ยินดีต้อนรับทุกท่านสำหรับคนใจช้ำที่ถูกย่ำยีมาไม่ว่าคุณจะเป็นใครเราคือเพื่อนกัน

วันจันทร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2559

ใครลิขิตชีวิตฉัน



ชีวิตของฉัน ในวัยเด็ก ต้องบอกว่า ลำบากมาก
ที่บอกลำบาก ก็สาเหตุเพราะ เราเป็นลูกคนโต ต้องรับภาระ แบ่งเบาพ่อแม่
ฉันมีน้องอีก หกคน น้องหกคนคือ ภาระของฉัน ชีวิตของฉันในแต่ละวันคือ
ไปโรงเรียน กลับมาเลี้ยงน้อง ตักน้ำใส่ตุ่มรอพ่อแม่ให้เต็มทุกวัน นึ่งข้าวรอพ่อแม่
จากนั้นก็ ไปรับควายที่ท้องนา กลับบ้าน นี่ภาระกิจประจำวันของฉัน
จนชีวิตในวัยเด็กฉันขาดหายไป ฉันไม่ได้มีโอกาส วิ่งเล่นกับเพื่อนวัยเดียวกัน
เหมือนคนอื่นเขา ชีวิตของฉันผูกยึดอยู่กับหน้าที่มาตลอดเวลา

จนฉันโตขึ้นมาหน่อย เรียนหนังสืออยู่ ป.5 หน้าชายและน้าสะใภ้ 
ก็จะมารับฉันไปอยู่ด้วย ไปทำงานด้วย เนื่องจากน้าไม่มีลูกด้วยกัน 
จากวันนั้นชีวิตของฉันจึงวิ่งไปวิ่งมา ระหว่างบ้านน้าและบ้านพ่อแม่
 ซึ่งอยู่ห่างกันคนละจังหวัด 

ช่วงปิดเทอมฉันก็ไปรับจ้างทำงานก่อสร้างเป็นกรรมกร แบกอิฐแบกปูน ซึ่งสมัยก่อนโน้น
ไม่มีเครื่องทุ่นแรงเป็นรอก เหมือนวันนี้ ดังนั้น กรรมกรก่อสร้างจึงทำทุกอย่างตั้งแต่แบกอิฐ แบกปูน ผสมปูน ขนของทุกอย่างเข้าไปส่งเขา เพื่อแลกกับค่าแรงเพียงวันละ 20 บาท

วันนึง
ขณะที่ฉันหิ้วถังปูนออกไปนั่งร้านที่ขั้น 5 กำลังก่ออิฐโชว์ ขณะที่ฉันหิ้วถังปูน จะข้ามหลังช่างคนนึง ไปให้อีกคนนึง ช่างคนที่ฉันกำลังจะข้ามหลังไป ดันลูกขึ้นมา ช่วงที่ฉันกำลังจะส่งถังปูนให้ช่างอีกคน จนดันฉันพลัดตกร่วงลงจากที่ก่อสร้างชั้น 5 ตกลอยลิ่วลงมาข้างล่าง แต่ดวงฉันไม่ถึงคาด ฉันตกใส่หลังคาเพลิงหมาแหงน ที่พักคนงาน ฉันจึงไม่ตาย แต่เหตุการณ์นี้ทำให้ฉันเจ็บตัวอยู่หลายวัน พอโรงเรียนเปิดเทอมฉันก็กลับไปเรียนหนังสือต่อ จนจบ ป.6 พอจบ ป.6ฉันก็มาทำงานรับจ้างอีก คราวนี้เป็นเด็กติดรถส่งของ เถ้าแก่ขายจนมแห้ง เร่ตามร้านค้าทั่วไป ฉันมีหน้าที่นั่งอยู่ในรถ คอยจัดของ ส่งของ ยกของให้เขา ฉันนอนพักที่บ้านเถ้าแก่
แต่ ห้องนอนฉันคือ หน้าห้องน้ำ คือ บริเวณห้องน้ำ จะมีพื้นที่ด้านหน้าห้องน้ำอยู่ กว้างซักเมตรกว่า ๆยาวประมาณ 2 เมตรเศษ เขาให้ฉันนอนตรงนั้น เสื่อซักผืนก็ไม่มีปูให้นอน

หมอนซักใบก็ไม่มี ฉันนอนหนุนแขนตนเอง พอเคลิ้มจะหลับ คนในครอบครัว เถ้าแก่ ก็เอาตีนมาเขี่ยฉัน ให้ตื่น เพราะพวกเขาจะเข้าห้องน้ำ ฉันก็ต้องลุกออกไปรอเขาทำธุรจนเสร็จค่อยกลับมานอน เป็นอยู่อย่างนี้ ตลอดระยะเวลาที่ฉันทำงานอยู่กับเขา 1 เดือน ฉันได้เงินเดือน 500 บาท ฉันกลับบ้านไปสมัครเรียนหนังสือเข้า ม.1 และช่วงปิดเทอม ฉันก็หนีเข้าเมืองมาหางานทำอีก คราวนี้ ทำงานกับ เจ๊กขายขวดเก่า หน้าที่ของฉันคือ เก็บขวดเก่าในโกดังใหญ่ ใส่ลัง และนำขวดที่สกปรก มาล้างทำความสะอาดและตากให้แห้ง และบรรจุใส่ลัง ค่าแรงฉัน 400 บาทต่อเดือน กินอยู่กับเขา ที่นอนคือ ในโกดังเก็บขวดเก่า ตรงไหนก็ได้ที่มีที่ว่าง ขอแค่อย่าให้ขวดแตกก็พอ ส่วนอาหารได้เวลาเดียวคือตอนเย็น เถ้าแก่จะให้นั่งกินร่วมโต๊ะกับเขา อาหารที่นี่ เมนูประจำคือ ผัดผักกาดกวางตุ้งใส่เครื่องในไก่ ซึ่งฟังดูดี แต่เวลากิน เขาจะมีถ้วยเปล่าใบนึงมาวางไว้ที่โต๊ะกินข้าวเสมอ เถ้าแก่บอกว่า กินได้เฉพาะผัก ส่วนเครื่องในให้ตักใส่ถ้วยเปล่าใบนั้น เก็บเอาไว้ผัดใส่ผักอีกวันพรุ่งนี้ ฉันเลยกินข้าวกับผัดผักกาดกวางตุ้งใส่วิญญาณ เครื่องในอยู่อีก หนึ่งเดือนเต็ม โรงเรียนเปิดเทอมฉันจึงกลับไปเรียนต่ออีก

พอโรงเรียนปิดเทอมฉันก็หนีมาทำงานในเมืองอย่างนี้ตลอดมา จนฉันเรียนอยู่ ม.3 เทอมสุดท้าย
พอโรงเรียนหยุด ฉันก็มาทำงานอีก เหมือนที่เคยทำมา คราวนี้ ทำงาน เป็นเด็กขับรถมอเตอร์ไซค์ พ่วงข้าง ส่งของตามร้าน ส่งพวกน้ำอัดลม โซดา เหล้า เบียร์ลิโพ กระทิงแดง ที่บริษัท ไทยสงวน คราวนี้ ฉันได้เงินเดือน พันห้าร้อยบาท แพงที่สุดในชีวิตฉันแหละเมื่อเรียนจบ ม.3 ฉันก็ตัดสินใจไม่เรียนต่อ เพื่อออกมาทำงาน ที่นี่ ซึ่งได้ค่าแรงมากสุดในชีวิตฉัน และจะได้ลดภาระพ่อแม่ลง  และที่ตรงนี้นี่เอง คือจุดเริ่มต้นของฉัน กับชีวิตรักครั้งแรกของฉัน อีกไม่นานต่อมา ฉันจึงได้พบกับเธอคนนั้น เธอคนเดียวที่อยู่ในใจฉันมาจนวันนี้ เธอคือวริญญา

ชีวิตของเธอและฉันจะดำเนินไปต่อจากนี้ ในงานเขียนของฉัน ที่บันทึกความทรงจำเอาไว้ในงานเขียน เรื่อง ไดอารีสีดำ ฉันจะนำทุกเรื่องราวของฉันและเธอ มาบอกเล่าและบันทึกไว้ที่นี่อีกครั้ง




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น