ยินดีต้อนรับทุกท่านสำหรับคนใจช้ำที่ถูกย่ำยีมาไม่ว่าคุณจะเป็นใครเราคือเพื่อนกัน

วันพฤหัสบดีที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

อย่าหวังใช้น้ำไกลมาดับไฟใกล้


หลายคนให้คำจำกัดความ หรือคำนิยาม ของคำว่า คนดี แตกต่างกันออกไป
แต่ถ้ายึดตามคำสอนของพระพุทธเจ้า ก็หมายถึงต้องดีทั้ง กาย วาจา ใจ
ซึ่งนั่นก็คือ ดีทั้งความคิด ดีทั้งคำพูด และดีทั้งการกระทำหรือพฤติกรรมด้วย
ทั้งหมดนั่นจึงเป็นคนดี
บางคนอาจจะแย้งว่า มีบางคนมันพูดดี แต่ทำตัวไม่ดีเลย
นั่นก็ไม่เข้าองค์ประกอบของคนดีตาม พุทธองค์
เพราะคนดีต้องครบองค์ประกอบคือ ดีทั้งความคิด คำพูดพฤติกรรม
คือ กายวาจาใจ นั่นเอง มีบางสิ่ง ขาดบางสิ่งก็ไม่ครบองค์นี้

หลายคนบอกแล้วจะหาคนดีอย่างนั้นได้ที่ไหน
มีหรือไม่คนดีอย่างนั้น
ก็ต้องตอบว่าอาจจะมี หรืออาจจะไม่มีก็เป็นไปได้เหมือนกัน
มันขึ้นอยู่กับว่า เราเคยได้พบมาหรือไม่ และปล่อยมันผ่านไปแล้วหรือไม่

หลายคนคิดว่าตัวเองได้พบคนดีแล้ว หรือเคยพบแล้ว แต่จากเราไปแล้ว
ไม่มีวันจะหวนคืนย้อนมาหาเราอีกแล้ว

บางคนบอกได้พบแล้ว
อีกคนอยู่ไกลตา ที่เราคิดว่าเขาเป็นคนดี เพราะทุกครั้งที่เขาพบปะพูดคุยกับเรา
เขาแสดงออกว่าเขาเป็นคนดี ทั้งที่ไม่เคยเห็นพฤติกรรมที่บ้านของเขา
ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่แท้จริงของคนดีคนนั้นเลย

กับคนดีอีกคน ที่อยู่ใกล้ตา
ที่เราได้เห็นนิสัยใจคอ ได้รู้ลึกตื้นหนาบางเขาทุกอย่าง
ได้พูดได้คุย ได้ทะเลาะกับเขามาแล้ว แต่ก็ยังคิดว่าเขาเป็นคนดี
เพราะรู้นิสัยแท้จริงที่บ้าน โดยไม่เสแสร้ง
รู้พฤติกรรมที่บ้าน เพราะบ้านติดกัน
หรือข้อดีข้อเสีย รู้จุดเด่นจุดด้อยของเขาอย่างละเอียด
คิดว่าเขาเป็นคนดี
แต่อาจมีข้อจำกัด ที่คิดว่า คนดีใกล้ตาคนนี้อาจด้อยกว่าคนดีที่อยู่ไกลตา
เราจึงไม่แน่ใจ ว่าจะตัดสินใจเทใจให้ใครระหว่างคนดีใกล้ตา กับคนดีไกลตา

ถ้าเราเจออย่างนี้ ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะตัดสินใจ
ให้ดูว่า ยามคุณเดือดร้อน คุณลำบาก คุณต้องการใครซักคน
คุณลองมองรอบข้างว่า คุณเห็นคนดีใกล้ตา หรือคนดีไกลตา
มาอยู่เคียงข้างคุณยามคุณตกยาก ทั้งที่เขายังไม่มีสถานะอะไรกับคุณเลยเหมือนกัน

โบราณบอกว่า อย่าใช้น้ำไกลมาดับไฟใกล้
หมายความว่ากว่าน้ำจะมาถึง ไฟก็ไหม้จนไม่เหลือซากแล้ว
น้ำใกล้แม้จะน้อย แต่ก็ยังช่วยผ่อนคลายปัญหาให้หนักเป็นเบาได้

คนไกลตาอาจจะดีจริง หรือไม่ดีจริงก็ได้ 
เนื่องจาก เขาไม่ได้อยู่ในสายตาของเราตลอด
ต่างจากคนใกล้แม้มีข้อบกพร่องบ้าง
มีจุดด้อยบ้าง มีข้อจำกัดบ้าง
แต่ทุกอย่างอยู่ในสายตาคุณ คุณมองเห็นมาโดยตลอด

เวลาเราจะเลือกใครซักคนมาอยู่ข้างกาย
เราไม่จำเป็นต้องเลือกคนที่ดีที่สุดที่อยู่ไกลตาที่เรามองไม่เห็น
มาเคียงข้าง เราต้องเลือกคนที่เราคิดว่า เรารู้จักเขาดีที่สุดก็พอ
มาอยู่เคียงข้างเรา และเขาก็รักเราด้วย
ความรักไม่ใช่เพียงแค่ ดีบวกกับดี เท่านั้น
แต่มันเป็นดี และรักเข้าใจเราด้วย นั่นต่างหากที่เราต้องการ
ถ้าคุณเจอเขาแล้วก็อย่าปล่อยให้หลุดมือไป

ในชีวิตนี้มันมีโอกาสไม่มากหรอก ที่เราจะมีโอกาสได้เลือก ได้ไขว่คว้า
อะไรซักอย่างมาเป็นของเรา ดังนั้นเมื่อมันลอยมาตรงหน้าคุณแล้ว
คุณกลับนั่งมองมันผ่านเลยไป โดยที่คุณไม่ได้เพียงเพียงเอื้อมมือคว้า
มาไว้หรือร้องทักซักครั้งในชีวิตนี้ นั่นคือสิ่งที่น่าเสียใจที่สุด
ที่เราปล่อยโอกาสผ่านเลยไป และจำไว้ว่า
มันจะไม่มีวันหวนย้อนกลับคืนมาอีกอย่างแน่นอน





วันอังคารที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ราตรีนี้พี่รำพัน




ที่รักคนดี
เธอรู้ไหมว่า ยามที่ฉันเดียวดาย อาดูร
ฉันมองหาคนเกื้อกูลจิตใจก็ไม่มี
ที่ศาลาคนเศร้า ที่ที่ฉันนั่งเหม่อคอย เฝ้ามองทาง รอนางจะกลับมา
วันแล้ววันเล่า วันแล้ววันเล่า ฉันก็ยังเฝ้าแต่คอยเธอ

ยามที่สายลมลูบไล้ที่ผิวกาย ใจฉันหวั่นไหวสะท้าน
บางครั้งฉันอยากฝากสายลมนั้นไปหอมแก้มเธอแทนฉัน
บางครั้งฉันอยากฝากรักของฉันไปกับสายลมนั้นเสียเหลือเกิน

ยามฉันเหงาและเปล่าเปลี่ยว
นั่งรำพึงอยู่คนเดียวก็ยังเสียวสะดุ้ง
จิตใจฉันมันฟุ้งซ่าน ไร้ทิศทาง

เมื่อสิ้นแสงทองจากฟากฟ้า
แสงจันทรายามราตรี ก็สาดส่อง
แต่หัวใจของพี่ก้อง ยังหวิวไหว
เหมือนใจพี่จะหลุดหายล่องลอยออกไป
มันคงอยากไปตามหาหัวใจของเธอ

จากผืนดินไร้ค่าที่ข้างบ้าน
พี่พลิกมันให้เป็นป่าสีเขียว
หวังจะได้ใกล้ชิดกับเธอซักวันเดียวมาถือเคียวถือจอบร่วมเรียงกัน
ต้นไม้ฉันนับวันจะเติบใหญ่ แต่ความรักนับวันไกลจากฉัน
เธอเคยเดินเก็บเกี่ยวสารพัน
แต่ทุกวันนี้เธอหายไปจากลา

ฉันอยากได้ตัวเธอมาเคียงข้าง
ฉันอยากได้เธอมาไว้เคียงกอด
ฉันอยากได้เธอนั้นมาพร่ำพรอด
ฉันอยากได้เธอนอนกอดตลอดคืน
ที่ฉันผิดก็คงเพียงเท่านี้

ทำไมคนดีจึงผลักไส
ไล่ตัวพี่ออกไปจากหัวใจ
ทำให้พี่ร้องไห้ เศร้าเอกา

แสงจันทร์สีทองส่องสาด
แต่มันเหมือนมีดบาดหัวใจพี่
กว่าข้ามคืนข้ามวัน ผ่านพ้นราตรี
เธอรู้ไหมคนดี มันชั่งแสนยาวนาน
ใจที่เจ็บ แม้ต้องสายลมมันก็เจ็บ
นับวันแผลที่หัวใจของพี่ มันยิ่งเป็นแผลใหญ่
ซอนแซกเข้าไปทุกอณูของหัวใจ
ยิ่งฉันรักเธอเท่าใด ยิ่งดูเหมือนหัวใจพี่จะได้แต่น้ำตา

เสียงเขียดร้องระงม ผสมสายลมโบก กระโชกพัด
สายฝนก็สะบัดพัดพาตามแรงลม
ราตรีนี้ ชั่งยาวนานเสียเหลือเกิน



เพลงชั่งเถอะฉันมันจน กังวาล ทองเนตรประพันธ์ คำร้อง ทำนอง ขับร้อง




วันเสาร์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

สุขสันต์วันเศร้า


วันที่แสนเศร้า





เธอเท่านั้น ที่ตาย เพื่อฉันได้ 
พี่เสียใจ อาลัย และโหยหา 
มีเพียงเธอ เท่านั้น วริญญา 
ที่รักพี่ เสมอมา ด้วยใจจริง 
ถึงวันนี้ ไม่มี ใครแทนได้ 
ที่เขามา ชิดใกล้ และสุงสิง 
เขาต้องการ เพียงแค่ คนรู้จริง 
ได้ทุกสิ่ง เขาก็ ไปจากเรา 
ไม่มีใคร ซักคน ที่จริงใจ 
คิดคิดไป มันชั่ง เป็นน้ำเน่า 
ที่เขามา ชิดใกล้ กับตัวเรา 
เพราะเห็นเรา โง่เง่า เหมือนเต่านา 
แสนอาลัย ถึงเธอ เพ้อหารัก 
หัวใจพี่ ช้ำหนัก รักไร้ค่า 
ไม่มีเธอ ใจพี่ ไร้ราคา 
อยากให้เธอ กลับมา เคียงชิดใจ 
เธอรู้ไหม ใจพี่ นี่ตายซาก 
อยู่ก็ยาก ตายก็ยาก สุดทนไหว 
มารับพี่ หน่อยซี แม่ทรามวัย 
พี่อยากตาย แล้วไป อยู่กับเธอ 
พี่เหมือนกาก หัวใจ ที่ไร้ค่า 
ไร้ราคา ไร้คน ยื่นเสนอ 
วันเกิดพี่ คราใด ให้ละเมอ 
คิดว่าเธอ นั้นยัง อยู่ข้างกาย 
วันเกิดพี่ ปีนี้ ก็แสนเศร้า 
ไม่มีใคร ไม่มีเขา มาปองหมาย 
นั่งโศกเศร้า โศกา พาเดียวดาย 
คิดขึ้นมา คราใด ใจระทม 
ที่รักจ๋า วริญญา เธอรู้ไหม 
พี่หมองไหม้ หัวใจ สุดขื่นขม 
มีแต่เธอ เท่านั้น แม่เอวกลม 
ปลอบประโลม ตัวพี่ ให้หายใจ



เพลงสุขสันต์ วันเศร้า สายัณห์ สัญญา ขับร้อง




วันอังคารที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ชอบของใหญ่ของยาวเลยได้สมใจอยาก






สมัยยังเด็ก
เรายังไม่เข้าใจอะไรเกี่ยวกับชีวิตเลย
ไม่กลัวเจ็บ ไม่กลัวตาย ไม่รู้ยากจน ไม่รู้ร่ำรวยว่าคืออะไร
พอโตมาหน่อย ก็เริ่มรู้ว่า อะไรคือลำบาก อะไรคือสบาย

พอตอนรุ่นๆน้าเรามีรถมอเตอร์ไซค์
เราก็ได้ขับได้ขี่ ก็รู้สึกว่า สบายดี สะดวกดี ก็เท่านั้น
แต่วันนึงเพื่อนบ้านใกล้กันเขามาบอกว่า พ่อข้าซื้อรถยนต์มาด้วย
เพื่อนบอกเราว่า รถยนต์มันดีกว่ามอเตอร์ไซค์ของน้าเอง
แสดงว่าน้าเองยากจนกว่าพ่อข้า

ตอนนั้นสิ่งที่เข้ามาในสมองคือ ใครมีรถคันใหญ่แสดงว่ารวยกว่าใช่มั๊ย
ตามแนวคิดของเด็กๆรุ่นๆกระเตาะ
พอเราจบ ม.3 ออกหางานทำ มีเงินเดือนใช้ มีเงินเก็บ มีเงินส่งพ่อแม่
ได้เรียนรู้ สังคม เข้าใจสังคม เข้าใจชีวิตมากขึ้น ก็ได้รู้ว่า

รวยหรือจนไม่ได้อยู่ที่รถคันใหญ่หรือคันเล็ก
เพราะเวลาต่อมา พ่อเพื่อนเจ้าของรถคันใหญ่ มายืมเงินน้าเรา
ซึ่งมีรถมอเตอร์ไซค์ เพื่อไปจ่ายค่างวดรถยนต์
เราจึงรู้ว่า เปลือกนอกคนนั้น ดูเหมือนใหญ่แต่เปลือกในไม่แข็งแรงก็มีถมไป
และนี่ก็เป็นชีวิตจริงของมนุษย์

คนมากมายมีรถยนต์ขับ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะมีเงินมากกว่า
คนเดินข้างถนนขึ้นรถเมล์ เพราะรถยนต์ที่ขับทั้งหลาย
หนี้สินท่วมหัวทั้งนั้น หลายคนทนกินแต่บะหมี่แห้งจนจะขาดสารอาหารตาย 
เพื่อรักษาหน้าว่าข้ามีรถยนต์

แต่หลายคนไม่มีรถยนต์กลับไม่เคยเดือดร้อน มีเงินส่งลูกเต้าเรียน
ไม่เดือดร้อนอะไร มีกินมีใช้อย่างไม่เดือดร้อน
นี่ก็แสดงว่าเปลือกนอกของคนเพียงอย่างเดียววัดอะไรไม่ได้
ต้องดูเปลือกใน ดูเนื้อแท้ ว่าเป็นอย่างไรมากกว่า
เศรษฐีมากมาย ที่ทำตัวเป็นผ้าขี้ริ้วห่อทองก็มีถมเถไป

พูดถึงเรื่องนี้แล้วก็ให้นึกถึงคนเคยรู้จักอยู่ สองครอบครัว
สองครอบครัวนี้มีบ้านติดกัน แม่ทั้งสองครอบครัวเคยเป็นเพื่อนรัก
หักเหลี่ยมกันมาตลอดทั้งชีวิต ทั้งเรื่องคู่ครอง อาชีพ
จะไม่ยอมลดลาวาศอกกันเสียเลย

สองคนมีลูกสาวเหมือนกัน
วัยเดียวกันอีกด้วย สองสาวถูกแม่ของตนเอง
กรอกความคิดเข้าสมองทุกวัน ว่าคนบ้านนั้นไม่ดี
ชอบดูถูกเหยียดหยามเรา เราต้องทำให้ได้ดีกว่าพวกมัน

ลูกสาวสองคนของเพื่อนบ้านกันนี้ คนนึงชื่อ แดง
อีกคนชื่ออ้อย แม่ของแดงสอนลูกเสมอว่า
จะหาคู่จะมองผู้ชาย มันต้องดูที่อาชีพการงาน
ดูว่ามีรถคันใหญ่ขับหรือไม่ ให้หาผัวคนที่มีรถคันใหญ่ขับจะดี

ส่วนแม่ของอ้อยสอนลูกว่า ลูกผู้หญิงอย่างเรา
อะไรอะไรหน่อยก็มีแต่เสีย เหมือนส้วม ไม่เหม็นมากก็เหม็นน้อย
ทำดีก็อยู่ตัวทำชั่วก็ถูกด่า ดังนั้นเราต้องใช้ชีวิตไม่ประมาท
อยู่ในร่องในรอย อย่านอกรีต ต้องเป็นคนขยัน อดทน หนักเอาเบาสู้
เป็นคนหูหนัก เป็นคนปากหนัก อย่าเที่ยวเร่รักใครง่ายๆ
อย่าเที่ยวให้ท้ายผู้ชาย เพราะถ้าเขาได้เราง่ายเขาจะไม่เห็นค่าของเรา
อย่าเอาเงินมาตัดสิน ให้ดูยาว ๆดูไกลๆ ดูให้ถึงโคตรเหง้าเขา

ชีวิตคู่สำคัญที่สุดคือความรักความเข้าใจ เพราะถ้าขาดสิ่งนี้ไป
วันนึงข้างหน้าเราแก่เฒ่ามา หน้าตาหย่อนยาน ไม่น่ามอง
ถ้าครอบครัวขาดรักขาดความเข้าใจเสียแล้วจะไม่เหลือสายสัมพันธ์อะไรอีกเลย
จะรักคนดี จงมองคนดี  คนขยัน คนมีเหตุผล ใจกว้าง 
เป็นผู้ใหญ่ เสียสละอดทน ใฝ่รู้ใฝ่ศึกษา
จะรวยหรือจนก็ชั่งมัน เรามาสร้างมาสมกันต่อได้

แดงในแต่ละวันก็แต่งตัวออกไปนั่งขายพวงมาลัยริมทาง
ก็มีโชว์เฟอร์รถ สิบล้อ สิบแปดล้อมาจอดซื้อพวงมาลัยเธอทุกวัน
จนสัมพันธ์ชิดใกล้กลายเป็นความรัก ซิำแดงยังบอกว่า
นี่คิอผู้ชายที่ตรงกับสเป๊กซ์ที่แม่บอกเลยคือมีงานทำ มีรถคันใหญ่ขับ

ส่วนอ้อย ก็ตั้งหน้าตั้งตาร่ำเรียนหนังสือ เช้าไปเรียนเย็นก็กลับบ้าน
ช่วยแม่ทำงานบ้านตามประสา
วันนึงมีรถเก๋งคันงามขับมาจอดหน้าบ้านอ้อย แม่ของอ้อยยืนมองดูก็เห็นชายหนุ่ม
ลงมาเปิดประตูรถให้อ้อย ก้าวขาลงจากรถ
และอ้อยก็พาชายหนุ่มนั้นเข้าไปแนะนำตัวกับแม่
อ้อยบอกว่า เป็นแฟนกันเรียนที่เดียวกัน พ่อแม่ครอบครัวเขาทำกิจการขนส่ง
มีรถบรรทุกอยู่กว่า 40 คัน รับงานขนส่งสินค้าทั่วประเทศ

พอสมควรแก่เวลาชายหนุ่มแฟนอ้อยก็กลับ
ขณะกำลังจะขึ้นรถกลับ รถบรรทุกคันใหญ่ก็วิ่งมาจอดหน้าบ้านแดง ข้างๆบ้านอ้อย
ซักครู่แดงก็เปิดประตู 10 ล้อ ลงจากรถ แถมแนะนำแฟนตัวเองกับอ้อยด้วย
ซักครู่ชายหนุ่มที่ขับรถบรรทุกคันใหญ่เข้ามาก็ลงจากรถ
พอเห็นชายหนุ่มที่กำลังจะขับเก๋งออกไปก็ ร้องทัก
นายครับหวัดดีครับ นี่แดงแฟนผมครับ วันนี้ขอนายหนึ่งวันนะครับ
พาแฟนกับแม่ยายขับรถเที่ยวหน่อย

ชายหนุ่มดังกล่าวก็พยักหน้า
แม่ของแดงได้ยินชายหนุ่มที่มากับลูกสาวตนเอง ยกมือไหว้ร้องทักกับชายหนุ่มที่มา
กับอ้อยลุกสาวคู่ปรับก็รู้สึกไม่พอใจ ออกไปถามชายหนุ่มว่า
แกไปยกมือไหว้พวกนั้นทำไม ชายหนุ่มก็ตอบกลับมา
นั่นลูกชายเถ้าแก่ผมครับ วันนึงก็มาเป็นเถ้าแก่ผมเต็มตัว
ขืนไม่ทักทายมีสิทธิ์ไปฟ้องเถ้าแก่ไล่ผมออกงานสิครับ

นี่คือบทสรุปของคนที่ชอบมองแค่เปลือกนอก
ในโลกนี้ มันไม่มีอะไรที่ได้มาโดยที่ไม่มีเหตุผล
มันมีเหตุมีผลอยู่ในนั้นเสมอตามแต่แรงบุญแรงกรรมของใคร





วันจันทร์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

อนิจจัง ทุกข์ขัง อนัตตา




ฟังพี่นะคนดี
ความสูญเสีย มันเกิดขึ้นได้กับคนเราทุกคน
ดังนั้นมันจึงอยู่ที่ว่าเมื่อเกิดขึ้นแล้ว เราจะรับมือกับมันได้มากน้อยแค่ไหน
ถ้าเราคิดว่า ของเรา ตัวเรา เมื่อสูญเสียไป เราก็จะรู้สึกทุกข์ใจ ผิดหวัง เสียใจเป็นธรรมดา

แต่ถ้าเราคิดเสียว่า ของทุกอย่างบนโลกนี้ มันไม่มีของเราเลย
แม้แต่ตัวของเราเอง ก็ไม่ใช่ของเรา เราควบคุมมันไม่ได้
ดังนั้นเมื่อเรารู้เช่นนี้แล้ว เราก็จะปล่อยวาง
สิ่งที่เป็นของเรา เราสามารถควบคุมมันได้ และติดตัวเราไป มีเพียง 
กรรมดี และกรรมชั่วเท่านั้น

พี่เจ็บปวด ถ้าเธอเจ็บปวด
พี่เสียใจถ้าเธอเสียใจ
แต่พี่จะไม่มีวันปล่อยให้เธอ เจ็บปวดและเสียใจหรือจมปรักอยู่กับมันตลอดไป
เราต้องก้าวไปข้างหน้า ทุกสิ่งในโลกนี้ล้วน สมมุติ
สมมุติว่ามีฉัน มีเธอ และถึงวันนึงสิ่งสมมุตินี้ก็ทลายลง
นี่เป็นลิขิตแห่งกรรม ไม่มีผู้ใดฝ่าฝืนได้ 
อะไรที่ไม่เป็นของเรา เราก็ฝืนไม่ได้
อะไรที่ใช่ของเรา ไม่อยากได้มันก็ได้
คำพิพากษาสวรรค์
ไม่สามารถยื่นอทธรณ์หรือยื่นฎีกาได้
เราต้องก้มหน้ายอมรับมันเท่านั้น
เข้มแข้งต่อไป
จำไว้ว่า ทรัพย์สิน เงินทอง ข้าวของ สิ่งใด
แม้มันไม่จากเราไป เราเองก็จะตายจากมันอยู่ดี

ทุกสิ่งในโลกนี้ล้วนคือสิ่งที่ไม่เที่ยง
มีเกิด มีแก่ มีเจ็บ มีตาย
เกลียดแค่ไหนก็ตายจากกัน
รักแค่ไหนก็ตายจากกัน
จนก็ตาย รวยก็ตาย
คนที่เคยบอกรักเรา นอนกอดเราอยู่ทุกคืน
วันนึงเราสิ้นลมหายใจ เขาก็รังเกียจเรา กลัวเรา
ดังนั้นจิตใจของเรา จงตั้งอยู่ในความไม่ประมาท ตั้งอยู่บนพื้นฐานความถูกต้อง
เวลาเกิดอะไรขั้นกับเรา เราจะได้ไม่ทุกข์ใจ
เข้มแข็งและสู้ต่อไป พี่อย่างข้างเธอเสมอ







วันจันทร์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ความจริงในใจ


คนดี พี่มีความในใจจะบอกเธอ
ก่อนหน้านั้นนับสี่ปี พี่เคยคิดว่าเธอคือคนที่พี่ไว้วางใจได้มากที่สุด
พี่เคยคิดว่า พี่จะสามารถฝากผีฝากไข้ไว้กับเธอได้
พี่เคยคิดว่า เธอคือนคนที่พร้อมจะไปกับพี่ ทุกที่ทุกหนทุกแห่ง
พี่เคยคิดว่า เธอเป็นคนอ่อนหวาน อ่อน โยน ใจเย็น จิตใจงดงาม
พี่เคยคิดว่า เธอเป็นคนดี มีน้ำใจ มีเหตุผล เป็นผู้ใหญ่ ใจกว้าง เสียสละ เข้าใจชีวิต
พี่เคยคิดว่า เธอนี่แหละจะมาเป็นคนเติมเต็มส่วนที่ขาดหายไปให้กับพี่
พี่เคยคิดว่าเธอนี่แหละคือคนที่จะมาเป็นแม่ของลูกให้กับพี่
พี่เคยคิดว่า เธอนี่แหละคือคนที่จะอยู่ข้างกายพี่ ทุกวัน ทุกเวลา ทุกสถานกานณ์
ทั้งยามสุข ยามทุกข์ ยามเหงา  ยามป่วยไข้ หรือแม้แต่ลมหายใจสุดท้าย
พี่ก็คิดฝากไว้กับมือเธอ พี่พร้อมที่ไปไปกับเธอทุกเส้นทาง ทุกเวลา

แต่ หนึ่งเดือนเศษที่ผ่านมา
เธอกลับทำให้พี่ไม่เหลือความมั่นใจเหล่านั้นอีกเลย
พี่ไม่แน่ใจว่า ถ้าพี่ไปกับเธอ จะตลอดรอดฝั่งไหม
พี่ไม่แน่ใจว่า พี่สามารถหนุนตักเธอและตื่นมายังมีเธออยู่ไหม
พี่ไม่แน่ใจว่ายามป่วยไข้ ยามลำบาก จะมีเธออยู่เคียงข้างพี่ไหม
เธอคือคน ตามที่พี่เคยคิดไว้หรือไม่
มันเป็นคำถามที่เกิดขึ้นในใจพี่ เดือนเศษที่ผ่านมา

พี่ถามตัวเองว่าเรามองคนผิดไปหรือเปล่า
ดวงตาเราบอดหรือตาถั่วหรือเปล่า
พฤติกรรมที่ผ่านมา ใช่เธอคนที่เราเคยรักหรือเปล่า
ทำไม มันต่างกันราวฟ้ากับดิน

ทั้งที่ก่อนหน้านี้ พี่พูดมาตลอดเวลาว่า พี่พร้อมใช้ชีวิตกับเธอแล้วทุกเวลาทุกสถานที่
ใจของพี่มิได้เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย ยังเปี่ยมล้นทุกความหวัง ยังรักมั่นมิคลายคลอน

แต่ พี่กลับไม่แน่ใจในตัวเธอ
มันมีคำถามเกิดขึ้นมากมาย ที่อยากพูด อยากเคลียร์ อยากทำความเข้าใจ
จากพฤติกรรมการแสดงออกของเธอ ที่มันพลิกหน้ามือเป็นหลังมือ เพียงแค่คำพูดไม่กี่คำ
ที่พี่แสดงออกถึงความจริงใจในตัวพี่ แต่มันกลับเป็นดาบคมเชือดคอ เชือดใจพี่

มันทำให้เธอ กร้าว กระด้างกระเดื่องต่อพี่ เย็นชา เมินเฉย เหมือนเราไม่มีชีวิต
 เหมือนเราไม่เคยรู้จักกัน ซึ่งมันไม่น่าจะเป็นอย่างนี้สำหรับคนเคยคบหารักกัน ช่วยเหลือกัน ดูแลกันตลอดมา ทำไมถึงได้เปลี่ยนไป และแสดงออกที่รุนแรงอย่างนั้น
หรือว่านั่นคือ ธาตุแท้ของเธอกันแน่ที่แสดงออกมา พี่เริ่มไม่แน่ใจ

ถ้าย้อนเข็มนาฬิกากลับไปเมื่อก่อนหน้านั้นเมื่อสี่ปี่ที่แล้ว
ถ้าพฤติกรรมของเธอเป็นอย่างเดือนเศษที่ผ่านมา 
พี่รับรองได้ว่า เธอจะไม่มีวันได้รู้จัก ได้พูดคุย ได้รับรัก
 ได้ความห่วงใยจากพี่เลย แม้สายตา เหลียวมองจากพี่เธอก็จะไม่ได้
เพราะนี่คือสิ่งที่พี่รังเกียจที่สุดในชีวิต
พี่ก็อยากเคลียร์ให้เข้าใจ ว่าแท้จริงแล้ว เธอก็รักพี่
หรือเธอก็เป็นของเธออย่างนี้แต่แรก เพียงแค่เธอหลอกใช้พี่ 
เพราะเธอต้องพึ่งพาพี่ เพราะได้ประโยชน์
พอหมดประโยชน์เธอก็ถีบหัวส่ง ผลักไสให้พ้นสายตา
พี่อยากรู้ อยากเคลียร์ให้เข้าใจ เพราะ
ถ้าใช่ พี่จะได้ไม่เสียใจ พี่จะได้เกลียดเธอให้ถึงที่สุดไปเลยตั้งแต่วินาทีนี้
เพราะพี่มั่นใจว่าตัวเองไม่ได้ทำผิดอะไร และก็เปิดใจพูดความจริงหมดแล้ว
เธอต่างหากที่รับไม่ได้ เพราะมีอะไรแอบแฝง ซ่อนเร้นในใจเธอใช่หรือไม่
บอกพี่ซักคำคนดี พี่จะได้ ตัดสินใจให้ถูกว่า ที่ผ่านมา เราเสียเวลาเปล่า
กับคนที่ไม่ควรเสียเวลาด้วย เพราะแค่เรื่อง รักษาน้ำใจกันเธอยังไม่รู้จัก และทำไม่ได้ 
ถ้าเป็นอย่างนั้น จิตใจของเธอก็ยังห่างไกลจากเรา และไม่มีค่าพอที่จะมาอยู่เคียงข้างเรา
ทุกสถานที่ทุกเวลา และยิ่งไม่ควรค่าที่จะได้รับความรักความห่วงใยจากเราด้วย

พี่จะถือเสียว่า เดินหลงทางไป และจะลบเธอออกจากทุกความทรงจำเช่นกัน
จะถือเสียว่าไม่เคยรู้จักเธอมาก่อนเลยแต่แรก เช่นกัน

นี่คือสิ่งที่คาใจพี่อยู่ที่รัก ที่พี่ต้องการ นั่งลงและพุดคุยกับเธอให้เคลียร์ใจกัน
 ก่อนจะหันหลังให้กันหรือกอดคอกันไปต่อ พี่จะรอทุกเวลา



เพลงรอคำตอบ พี่เป้า สายัณห์ สัญญา ขับร้อง



วันศุกร์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

อดีตคือสิ่งที่เราสร้างมันขึ้นมา


คนเราทุกคน ล้วนมีอดีต
อดีตหรือความหลัง มันส่วนหนึ่งของเส้นทางชีวิตเราที่เคยเดินผ่านมา
บางคนมีความหลังที่ดี บางคนมีความหลังที่แสนเจ็บปวด
คนที่มีความทรงจำ ความหลังที่ดี ก็มักจะกอดติดอยู่กับภาพอดีตนั้น
จนบางครั้งดูเหมือนว่าไม่ใยดีกับชีวิตจริงในปัจจุบัน
เฝ้าแต่ยิ้มหวาน ระถึงความหลังครั้งเก่า จนกลายเป็นคนเย็นชาก็มี

บางคนมีความหลังที่เจ็บปวด
ก็พยายามที่จะเดินหลีกลี้หนีอดีตที่เจ็บปวดนั้นไปเสียให้พ้น
หลายคนยอมแปลงตัวแปลงกาย เป็นคนใหม่ หรือผิดไปจากเดิม
เพื่อที่จะหนีมัน เพื่อจะลืมมันให้ได้
แต่ยิ่งหนี ยิ่งพยายามลืม ก็ยิ่งเจ็บ ยิ่งจมอยู่กับมัน
ยิ่งแสร้งลืม ก็ยิ่งหลอกใจตนเอง
คิดว่าตัวเองหนีมันพ้น
ซึ่งแท้ที่จริงไม่เคยไปจากมันได้เลย

ก็เพราะมันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเรานั่นเอง
เราจะหนีมันไปไหน หลบมันไปไหน มันก็ไปกับเรา
เพราะมันอยู่ที่ใจเรา ยิ่งเราหนี ก็เท่ากับเรายอมรับว่าเรากลัวมัน
ยิ่งเราพยายามจะลืมมันเท่าไหร่ ภาพมันก็จะยิ่งชัดขึ้น
ก็เพราะสิ่งที่เรากำลังทำ ไม่ว่าทางใดทางหนึ่ง
นั่นคือสิ่งที่แสดงว่า เราอยู่กับมันตลอดเวลา

ในเมื่อเราหนีมันไม่พ้น
ในเมื่อเราไปจากมันไม่ได้
ทำไม ทำไมเราจึงไม่ยอมรับมันอย่างยืดอกว่า
ใช่ ใช่ มันคือส่วนหนึ่งของเรา มันอาจเป็นการกระทำ 
หรือการตัดสินใจผิดพลาดที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตเรา
ในเมื่อเราก็มีส่วนสร้างความผิดพลาดนั้น
ทำไมเราไม่ยอมรับมันและมองหาข้อผิดพลาดนั้น
เก็บมันมาเป็นบทเรียนสอนใจตัวเอง
เพื่อที่เราจะได้ไม่เดินผิดพลาดอีกครั้ง
เราต้องอยู่กับมัน และยอมรับมัน
ยอมรับว่ามันคือส่วนหนึ่งของเรา
ที่ทำให้เรามีวันนี้ ก็เพราะเราสร้างมันขึ้นมาเอง

เราไม่ควรหนีตัวเอง เพราะเราคือมัน
เราไม่ควรหนีปัญหา ถ้าปัญหาอยู่ที่เรา
เราไม่ควรแกล้งทำว่าไม่เคยเกิดอะไรขึ้น
เราไม่ควรหลอกตัวเองว่าเราไม่เคยพลาด
เพราะนั่นคือ การหลอกตัวเอง
และไม่แก้ปัญหา ไม่พยายามจะก้าวไปข้างหน้า
ไม่พยายามที่จะออกจากมัน แต่จะหลบหนีมันทั้งที่มันก็คือเรานั่นเอง
เพื่อนทั้งหลาย
การเรียนหนังสือกับการสอบตกเป็นของคู่กัน
การเดินทางกับอุบัติเหตุก็เป็นของคู่กัน
เมื่อเรายังมีชีวิต เมื่อเรายังเดินทาง
อุบัติเหตุก็ย่อมมีโอกาสเกิดขึ้นได้กับนักเดินทางทุกเมื่อ

การเกิดอุบัติเหตุแค่เพียงครั้งเดียวในชี่วิตการเดินทาง
มันจะทำให้เราเข็ดขยาด หวาดกลัวไปทั้งชีวิตเลยหรืออย่างไร
การเกิดอุบัติเหตุเพียงครั้งเดียว มันจะทำให้เราเลิกเดินทางทั้งชีวิตเลยหรืออย่างไร
ทำไมเราไม่มองหาปัญหาว่าเราบกพร่อง ผิดพลาดตรงไหน
แล้วนำมันมาปรับปรุงแก้ไข และเตรียมตัวให้พร้อมเสมอ
สำหรับการเดินทางครั้งใหม่
ชีวิตคือการเดินทางไกล
อย่าท้อใจแค่อุบัติเหตุชีวิตเพียงครั้งเดียว
เตรียมตัวให้พร้อม เก็บสัมภาระให้ดี
มองไปข้างหน้า โลกกว้างใหญ่ ยังรอให้เราค้นหาอยู่
มันมีรางวัลสำหรับคนที่ไม่ยอมแพ้เสมอ
อย่างน้อยเราก็ได้พูดว่า ฉันเดินมาจนสุดทางได้แล้ว




















วันพฤหัสบดีที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ สูงต่ำอยู่ที่ทำตัว


คนบางคนงามทั้งภายนอกงามทั้งภายใน
คือมีรูปกายที่สะอาดสะอ้านหมดจด
มีผิวพรรณที่งดงาม มีรูปร่างที่สมส่วนน่าหลงใหล
แถมซ้ำภายในจิตใจยังเป็นผุ้มีจิตใจงดงาม
มีความเมตตาอารี รู้จักเสียสละ รู้จักทาน
สร้างบุญบารมี คนเหล่านี้ จะมีแววตาสดใส เบิกบาน
พูดจาอ่อนน้อม อ่อนหวาน เป็นมิตร
มองดูก็รู้ว่าเป็นคนมีความสุข
เป็นคนที่งามทั้งนอกทั้งใน

คนบางคน หน้าตาหมองคล้ำ ไม่มีสง่าราศี
หน้าตาบ่งบอกว่าเหมือนคนอมทุกข์
แบกโลกทั้งโลกไว้เพียงผู้เดียว
ซ้ำยังจิตใจขุ่นมัว ดวงตาเขม็ง
หน้างิ้วคิ้วขมวด วาจาหยาบกร้าน ไม่เป็นมิตร
ไม่ชอบพบปะผู้คน เก็บตัว เห็นแก่ตัว
โลกทัศน์แคบ มองสังคมแง่ลบ จิตใจคับแคบ
อิจฉาตาร้อนเมื่อเห็นผู้อื่นได้ดีกว่า
หยาบคายเป็นนิสัย
ใฝ่ทางต่ำ
คนกลุ่มนี้ก็จะรู้ได้ทันทีที่เราพบเห็นได้พูดคุยแม้เพียงเดี๋ยวเดียว

ทำไมคนเราเกิดมา มีสูง มีต่ำ มีดำ มีขาว
สติปัญญาไม่เท่ากัน สมองไม่เท่ากัน มีเพื่อนฝูง ญาติมิตรไม่เท่ากัน
ทั้งหมดทั้งสิ้นก็ด้วย แรงกรรมที่เคยสร้างเคยสมมา
คนเคยสร้างกรรมชั่วมาแต่อดีตชาติ ก็จะมาชดใช้กรรมนั้นในชาตินี้
เช่น เคยดุด่าพ่อแม่ เคยตบตีพ่อแม่ ก็จะเกิดมาไม่สมประกอบ ขาเดี้ยง มือพิการ
ปากบิด คอเบี้ยว เป็นใบ้  ก็ล้วนจากผลกรรมที่สร้างไว้

ส่วนบางคนสร้างกรรมดีไว้ ก็จะเกิดมาเพื่อรับกรรมดีนั้น เช่น
มีรูปเป็นทรัพย์ เพราะรักษาศีลมาดี
มีน้ำเสียงเป็นทรัพย์ เพราะเคยใช้เสียงสร้างบุญสร้างทาน
เช่น อ่านหนังสือสอนคน สร้างกลอง ระฆังถวายทานเป็นต้น
หรือเกิดมามีปัญญาดีกว่าคนอื่นก็เพราะชาติก่อนเคยให้ความรู้เป็นวิทยาทานกับผู้อื่น
เกิดมาร่ำรวยมีบริวารห้อมล้อม ก็เพราะเคยบริจาคทรัพย์ถวายทาน สร้างบารมีแก่คนทั่วไป

บางคนบอกว่าเราเกิดมาในชาตินี้แล้ว ขาดแคลนขัดสนนัก
ไม่มีสินทรัพย์จะไปบริจาคทานใดๆ
พุทธองค์กล่าวไว้ว่า มนุษย์เราเกิดมามีทรัพย์อยู่พร้อมแล้ว
เช่นมีตา ที่จะมองเห็น สิ่งดีสิ่งงาม ไม่ใช้ดวงตาไปในทางเหยียดหยามลบหลู่ใคร
มีหูที่คอยสดับรับฟังผู้อื่น มีปากที่คอยยิ้มแย้มแจ่มใสต่อผู้อื่น
พูดจาให้กำลังใจ ไม่ถากถาง ใส่ร้ายผู้อื่น
มีสองมือที่คอยหยิบจับช่วยเหลือผู้อื่น หรือผู้ที่อ่อนแอกว่าได้
มีสองขาที่คอยนำพาตัวเองไปในทางที่ดีที่งามและนำพาผู้อื่นไปทางดีได้
มีร่างกายที่คอยช่วยเหลือ เป็นเพื่อนผู้อื่นได้ เป็นสามี เป็นภรรยา เป็นเพื่อนที่ดีได้
มีมดลูกที่สามารถให้กำเนิดบุตร กำเนิดชีวิตใหม่ได้ ให้ชีวิตได้

ส่วนต่างๆในร่างกายเหล่านี้ สามารถนำมาสร้างบุญสร้างทาน สร้างบารมี
ให้ตนเองได้ แต่เรามักไม่ทำ เรามีตาเพื่อมองหาข้อไม่ดีผู้อื่น เรามีมือเพื่อชี้ความไม่ดีผู้อื่น
เรามีปากเพื่อทำลายผู้อื่น เรามีจิตใจที่คับแคบ จิตใจที่ยากจน
เราจนแม้กระทั่งจิตใจภายใน เราจนแม้กระทั่งคำพูดที่จะปลอบประโลมคนอื่น
ให้กำลังใจผู้อื่น  เราขี้เหนียวแม้กระทั่งคำพูด ที่จะพูดคำว่า ขอบคุณ ขอบใจ
หรือพูดให้กำลังใจกัน เรามีชีวิตแบบนั้น มีก็เหมือนไม่มี
เพราะไม่ได้สร้างสิ่งดีให้แก่ตนเองและผู้อื่นเลย

กรรมจึงไม่ใช่อยุ่ที่การกระทำในชาติปางก่อนเท่านั้น แต่กรรมทั้งดีทั้งกรรมชั่ว
ยังถูกสร้างในชาตินี้ด้วย เพราะผลบุญผลกรรมในชาตินี้จะส่งผลต่อเราในชาติหน้า
ว่าเราจะเกิดมาอย่างไร เป็นคน หรือเป็นสัตว์เดรัจฉานก็อยู่ที่การกระทำในชาตินี้ด้วย

ดังนั้นเมื่อคนจิตใจมืดบอดอยู่กับคนจิตใจมืดบอด 
จึงไม่ต้องสงสัยว่าชาติต่อไปจะเป็นอย่างไร
คนจิตใจรู้แจ้งเห็นแสงสว่าง อยู่กับคนที่รู้แจ้งเห็นแสงสว่าง
ก็จะพากันนำสิ่งที่ดีมาสู่ตนเองและนำกรรมดีนั้นติดตามตัวไปในภพชาติใหม่ด้วย