ยินดีต้อนรับทุกท่านสำหรับคนใจช้ำที่ถูกย่ำยีมาไม่ว่าคุณจะเป็นใครเราคือเพื่อนกัน

วันเสาร์ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

เจ็บเพราะความจริงดีกว่าหลอกตัวเอง


การที่เรามีความจริงใจให้กับใครซักคนและมีโอกาสได้บอกความในใจนั้นแล้ว
แต่ถูกปฏิเสธอย่างสิ้นเยื่อขาดใยจากคนคนนั้น
แน่นอนมันเจ็บปวดหัวใจเป็นอย่างยิ่ง
แต่เมื่อเรามาตรึกตรองดูให้ถ้วนถี่
เรากลับรู้สึกภาคภูมิใจ
ที่เราเป็นคนจริง
กล้ายอมรับความจริงในใจตัวเองแล้วก็พูดออกไป
แม้จะถูกปฏิเสธแบบไม่ไว้หน้ากันก็ตามเถอะ
เราไม่ได้ผิดอะไร ที่จะมีความรัก หรือจะชอบใครซักคน
มันไม่ใช่ความผิดเลย มันเป็นไปตามกฎเกณฑ์ของธรรมชาติ
คนที่ไม่ต้องการความรักนั่นสิ
คือคนที่หลอกตัวเองและเบี่ยงเบนตัวเองออกจากธรรมชาติของสัตว์โลก
เราได้ทำในสิ่งที่ถูกต้องแล้ว ควรแล้ว ก็ไม่มีเหตุให้เรา
ต้องมานั่งทนทุกข์ระทมใจอีกแล้ว

และเป็นสิทธิเช่นกันที่คนที่เราบอกรักจะปฏิเสธ
มันเป็นสิทธิของเธอและเขาเช่นกัน
แต่สิ่งที่มันฟ้องตัวเธอเองว่า เป็นคนอย่างไร
ก็คือ อากัป กริยา คำพูด ภาษากายที่เธอแสดงออก
ตรงนั้นต่างหากคือสิ่งที่เราได้คืนมามากกว่าอย่างอื่น

การที่เราเจ็บเพราะคำพูดเหล่านั้น
แต่เราก็ได้รู้จักคนคนนั้นมากขึ้น
บางทีมันก็เกินคุ้ม
มันทำให้เราเริ่มปรับฐานความคิดเสียใหม่
ว่าคนคนนั้นที่แท้ตัวตนที่จริงๆเป็นอย่างไร

อารมณ์เดือดดาน เก็บกด ระแวง
หวาดกลัว เหมือนกำลังจะวิ่งหนีคนทั้งโลก
ซึ่งมันทำให้เราเห็นว่า เหตุใดเธอจึงเดินทางผิด
เหตุใดเธอจึงเดินหลงทางไปได้
ก็เพราะจิตใจเธอไม่เข้มแข็งพอ
ไม่แข็งแรงพอ ไม่กล้ารับความจริง
ไม่กล้าเผชิญความจริง
พยายามสร้างกรอบ ตีกรอบกักขังตัวเอง ออกจากคนทั้งโลก
และคิดเอาเองว่าโลกทั้งโลก รังเกียจตนเอง
ทั้งที่ ตัวเธอเองกักขังตัวเอง และมีคนยื่นโอกาส ยื่นไมตรีตลอดเวลา

แต่เธอกลับกลัว
กลัวที่จะมีรักมีครอบครัว
กลัวที่จะเจอกับคนรักจริง

แต่เธอกล้าที่จะแอบเร้นตัวเองออกจากสังคม
เธอกล้าที่จะ อยู่ในโลกจอมปลอมของเธอ ที่เธอสร้างขึ้น
โดยคิดว่านั่นคือสิ่งที่ดี ที่สุด สบายใจที่สุด ยั่งยืนที่สุด

เธอคิดผิดมาตลอด 
นั่นคือสิ่งผิด ทางผิด
เธอถามตัวเธอเองซิว่า
เธอทำเพื่ออะไร
เธอจะได้อะไรกับทางชีวิตนั้น
ชีวิตที่หลอกลวงตัวเอง จอมปลอม ปรุงแต่ง
หลอกใจตัวเองไปวันวัน

ถ้าเธอต้องการชีวิตอย่างนั้นจริง
เธอจะไม่หลบเร้นสังคม
เธอก็ไม่จำเป็นต้องสร้างสมทรัพย์สินอะไร
ให้เหนื่อยยากลำบาก
ก็เธอไม่มีใคร ไม่ต้องรับผิดชอบใครอยู่แล้ว
รับผิดชอบแค่ตัวเธอเอง และคนที่เธอคิดว่าสวรรค์ส่งมาให้เท่านั้น

ฟังนะที่รัก
ถึงแม้ฉันจะเจ็บปวดจากภาษาพูด ภาษากายที่เธอทำกับฉัน
แต่ฉันกลับภาคภูมิใจในตัวเอง ที่ฉันได้รักเธอ
ได้บอกให้เธอรู้ว่าฉันรักเธอ

นั่นก็เพราะฉันให้เกียรติเธอ
ฉันเห็นคุณค่าเธอ
ฉันจึงอยากได้เธอมาร่วมเรียง
มาเป็นแม่คน เป็นแม่ของลูก
มาเป็นภรรยาที่ดี
และยินดีตกแต่งเธอตามประเพณี
เพื่อประกาศว่าฉันรักและให้เกียรติเธอ
ฉันได้แสดงเจตจำนงที่ดี ที่ควรแล้ว
และฉันก็ยังรักเธอเสมอ ตลอดไป

แต่เธอลองมองคนข้างตัวเธอสิ
เขาทำอะไรให้เธอ เขาเห็นเธอเป็นแค่ของเล่น
สนองตัณหา สนองอารมณ์วิปริตของเขา
จับโน่นจับนี่มายัดเยียดใส่เธอ
เห็นเธอเป็นเพียงทรัพย์สินส่วนตัว
จะทำอะไรกับเธอก็ได้
โดยที่เธอจะไม่เห็นความหวัง
โดยที่เธอจะไม่เห็นอนาคต
แต่เขาต้องการกักขังเธอไว้ข้างกาย
เพื่อเป็นที่ระบาย รองรับอารมณ์วิปริตเขา
ไม่สนใจความรู้สึกที่แท้จริงของเธอ
เป็นการดับอนาคตเธอทั้งชีวิต

ถ้านี่เธอเองก็คิดว่า เป็นสิ่งที่ดีงาม
ก็แสดงว่าเธอเองนั่นแหละ วิปริตเสียยิ่งกว่า
นี่เป็นเสียงเตือนจากใจฉัน
เธอไม่ต้องสนใจว่า ฉันจะคิดอย่างไรกับเธอ
แต่ฉันอยากให้เธอคิดตามที่ฉันเตือนเธอว่ามันจริงไหม
ฉันเชื่อว่าส่วนลึกในใจเธอ เธอก็ไม่มีความสุขหรอกกับชีวิตแบบนั้น
ในเมื่ออยู่เป็นของเล่นเขาก็ไม่ดี ไม่มีเกียรติ
ไม่ถูกยกออกหน้า ทุกข์ ลำบากอยู่แล้ว

ทำไมเธอไม่ลองก้าวออกมาอยู่กับความจริงบ้าง
แม้ทุกข์บ้าง สุขบ้าง เธอก็ภูมิใจกับมันมากกว่า
เจ็บเท่ากัน แต่ความรู้สึกทางใจดีกว่า
มองหน้าคนได้เต็มตามากกว่าทำไมเธอไม่ลองคิดตรองดู

ฉันรักเธอ และห่วงใยเธอเสมอมา
แม้จะไม่ดีเท่าที่ควร ฉันก็มั่นใจว่า
เวลาที่เธออยู่กับฉันแม้เพียงน้อยนิด
ฉันก็มั่นใจว่าเธอได้ความรู้สึกที่แตกต่าง
ระหว่างฉันกับเขา เธอได้ความรู้สึกที่ดี
จากสัมผัสรักที่เป็นธรรมชาติ ที่ฉันให้เธอมาโดยตลอด 

แต่เธอสิที่รัก เธอกำลังทำอะไรกับตัวเอง
เธออยู่ไปเพื่ออะไรในชีวิตนี้
เธอเคยได้ยินเสียงร้องทักตักเตือน จากญาติสนิท
มิตรสหาย หรือบุพการีของเธอหรือไม่ว่ามันผิด

หรือได้ยินแล้วแต่เธอไม่ฟัง ไม่เคยฟังเลย
เธอจึงพยายามสร้างโลกของเธอ
เพื่อให้หนีไกลจากคนอื่นมาตลอดใช่หรือไม่

เธอยังมีเวลาที่จะเริ่มต้นใหม่
มันไม่มีคำว่าสายไปสำหรับการเลือกทางเดินที่ถูกต้อง
มันอาจไม่ราบรื่นบ้าง เจ็บบ้าง สุขบ้าง ทุกข์บ้าง
แต่นี่มันก็คือเส้นทางชีวิตที่ถูกต้องมิใช่หรือคนดี

ไม่มีใครเลยที่เส้นทางโรยด้วยกลีบกุหลาบ
แม้แต่พ่อแม่ของเราเองก็เป็นเช่นนั้น
เราอาจพอใจ หรือไม่พอใจ
แต่พวกเขาเหล่านั้นก็ให้ชีวิตเรา ให้กำเนิดเรามา
แล้วเรื่องอะไรที่เราจะต้องลงโทษตัวเอง
มองสังคมแง่ลบไปเสียหมด

เธอควรปรับตัว ปรับใจ
มองคนรอบข้าง
ฟังเสียง พวกเขาให้ดีๆ
ภายใต้เสียงตำหนิ ดุด่า มันมีความรัก ความปรารถนาดีซ่อนอยู่หรือไม่
หรือจะอยู่ในโลกจอมปลอมว่างเปล่าของตัวเองต่อไป
ท่ามกลางสายตาสังคมที่สนเท่ห์

เราไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นอย่างนั้น
แต่เธอพยายามทำให้มันเป็นเอง
อย่าให้คนวิปริต มานำทางชีวิตเธออีกต่อไป
มิเช่นนั้นเส้นทางชีวิตเธอจะจบลงอย่างน่าสมเพชที่สุด
ทั้งที่เธอมีโอกาสจากสังคมมาโดยตลอด ถึงวันนั้นจะมาพูดว่า ฉันเสียใจ มันก็คงไม่ทันแล้ว



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น