ยินดีต้อนรับทุกท่านสำหรับคนใจช้ำที่ถูกย่ำยีมาไม่ว่าคุณจะเป็นใครเราคือเพื่อนกัน

วันศุกร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

บ้านคือวิมานของเรา


อะไรคือความหมายของคำว่าบ้าน
สำหรับฉัน
บ้านก็คือที่ไหนก็ได้
ที่เราอยู่แล้วสบายใจ
อบอุ่น ปลอดภัย และมีความสุข
นั่นคือบ้านสำหรับฉัน
ถึงแม้ว่าหน้าตามันจะดูเหมือนกระต๊อบ
ไม่เหมือนบ้าน
แต่มันให้ความรู้สึก
คำว่าบ้านกับฉัน
ฉันก็เรียกมันว่าบ้าน

ในทางตรงกันข้าม ที่ใดที่เราอยู่แล้ว ร้อนรน
ไม่มีความสุข อยู่แล้วอึดอัด ไม่มีความปลอดภัย
ที่นั่นก็คือนรก ถึงแม้ว่าหน้าตามันจะดูเป็นบ้าน ก็ตาม

คำว่าบ้าน มันมีอย่างอื่นแฝงอยู่ในนั้นเสมอ
 และมากกว่ารูปลักษณ์ รูปทรงภายนอก
ฉันจึงไม่สนใจว่า จะอยู่ที่ไหน
หน้าตาเป็นเหมือนบ้าน หรือไม่เหมือนบ้าน
แต่..ถ้า
มันให้ความรู้สึก สบายใจ ปลอดภัย มั่นคง มีความสุข
มีเสียงหัวเราะ
มีเสียงกินข้าวร่วมกัน
มีเสียงร้องไห้
มีเสียงปลอบโยน
มีคำแนะนำ
มีคำติเตียน
มีคำชี้แนะ
มีไออุ่นแห่งรักแฝงอยู่ตลอดเวลา
มีความห่วงหาอาทร
มีพ่อ-แม่-ลูก
สวนเสเฮฮา
ตามประสาครอบครัว
ที่นั่นแหละคือบ้านสำหรับฉัน

ฉันรู้สึกมีความสุขที่ได้อยู่ที่นั่น
ทุกครั้งที่ฉันเหนื่อย ฉันท้อ
ฉันอยากกลับไปที่นั่น
และทุกครั้งที่ฉันกลับไปที่นั่น ฉันได้รับรัก ห่วงใย
จากคนที่รักฉัน เสมอ

เชื่อเถอะ ฉันไม่สนใจหรอกว่ารูปลักษณ์มันจะเป็นเพียง
ไม้ขัดแตะ แคร่ไม้ไผ่
เสาไม้ผุๆ
ฉันไม่สนใจเลย
ฉันขอเพียงแค่
มีความมั่นคง และอบอุ่นที่บ้านหลังนั้นก็พอ
นั่นแหละคือบ้านของฉัน



เพลงกล่อมนางนอน สายัณห์ สัญญา ขับร้อง








วันพฤหัสบดีที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ทรมาน


บางครั้ง
การที่เราเฝ้ารอคอย ใครซักคน
หรือรอคอยอะไรซักอย่าง
มันชั่งเป็นเวลาที่ทรมานหัวใจ
เสียเหลือเกิน
อย่างเช่น เรากำลังรอโทรศัพท์
จากใครอยู่
เราจะเฝ้าคอยด้วยหัวใจที่จดจ่อ
พอเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
เราก็สุดแสนจะดีใจ
ครั้นพอเราหยิบโทรศัพท์มาดู
กลายเป็นชื่อคนอื่น โทรเข้า
ความโศกเศร้าก้เข้ามาแทนที่
ความหดหู่ใจก้ตามมา

หรือบางทีเรารอข้อความจากไลน์
จากใครซักคนที่พิเศษสำหรับเรา
ทุกครั้งที่ได้ยินเสียงดัง
ติ๊งต่องๆ
เราก็จะใจชื้นขึ้นมา
คิดว่าเขาข้อความมาคุยกับเราแล้ว
พอเปิดดูกลับไม่ใช่
มันก็ทำให้เราฝ่อไปอีกเช่นกัน
หรือเรากำลังสนทนาผ่านช่องทางออนไลน์อื่น เช่นเฟชบุ๊ค
ทุกครั้งที่เราโพสต์ลงไป
หรือทุกครั้งที่เราแอบไปแสดงความคิดเห็นใน
โพสต์คนที่เราแอบชอบ
เราก็หวังว่าเดี๋ยวซักครู่ก็จะมี
สัญญาณขื้นมาบอกว่า เจ้าของเพจนั้น กดถูกใจคุณแล้ว
 และยังแสดงความเห็นตอบคืนมาด้วย

แต่กลับเป็นว่า
รอแล้วรอเล่า ก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบรับ ไม่ว่าทางใด
ปล่อยให้เราคอยเก้อ
นั่งดูหน้าเพจเฟชบุ๊คด้วยความห่อเหี่ยวรันทดหัวใจ

หรือบางคนก็สื่อสารกันทางอีเมล์
ธรรมชาติของการสื่อสารทางนี้ก็
ค่อนข้างโบราณกว่าทางอื่น
โดยตัวมันเองอยู่แล้ว
ยิ่งนั่งมองกล่องรับข้อความ
รอแล้วรอเล่าก็ไม่มีข้อความตอบกลับมา
มันชั่งน่าอายน่าหดหู่เสียนี่กระไร
บางครั้งมันทำให้เราคิดไม่ได้ว่า ปลายทางการสนทนาเขาคงรำคาญเรา 
จนแทบจะอาเจียนออกมาอยู่ก็เป็นได้
แต่ในขณะที่กำลังครุ่นคิด 
ก็มีข้อความแจ้งว่ามีข้อความเข้าที่กล่องข้อความ
ดีใจสุดขีด รีบเปิดกล่องข้อความขึ้นมา

โธ่อนิจจา
กลายเป็นข้อความ โฆษณา อก ฟู รูฟิต
ฉันจะบ้าตาย
นี่ฉันผู้ชายนะยะหล่อน
จะให้อกฟู รูฟิต ไปถึงไหน
เดี๋ยวฉันก็ขี้ไม่ออกหรอกย่ะ

หึ !!!! โมโห!!!!! งอนแล้วด้วย ตัวเอง


วันพุธที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

สิ่งมีชีวิตที่ชื่อว่าคน


คนเรานี้ก็แปลกนะ
มันมักจะมีอะไรที่ขัดแย้ง
หรือย้อนแย้ง อยู่ในตัวของมันเสมอ
อย่างเช่น
บางคนรังเกียจครอบครัวนี้
แต่อีกทางกลับแอบหลงรักลูกสาว
หรือลูกชายครอบครัวนี้อย่างหมดใจ
บางคนคิดว่าตัวเองดูไร้ค่า
ทำตัวเสเพลย์ไปวันๆ
ในขณะเดียวกันก็มักมีสายตาที่คอยห่วงใยอยูรอบๆกายนั้นเสมอ
บางคนคิดว่าตัวเองถูกทอดทิ้ง
ให้ไร้ค่า ให้จมปรักอยู่กับอดีต
แต่ก็มักมีคนที่มองเห็นค่า
และอยากดึงออกมาจากอดีต เข้าสู่ปัจจุบันเสมอเช่นกัน
บางคนกำลังวิ่งไล่ตาม 
ไล่ง้อ วิ่งไล่จับ วิ่งหาความรัก
จนคิดว่าตัวเองไม่มีคนรัก
แต่ก็มักจะมีคนที่แอบรัก แอบคิดถึง
และรอการชำเลืองสายตามองเราอยู่เสมอเช่นกัน

คือทุกครั้งที่เราคิดว่าเราถูกทิ้ง
ทุกครั้งที่เรารู้สึกว่า ไร้ค่า
ทุกครั้งที่เราไล่ล่ารัก
ทุกครั้งที่เราคิดว่าตัวเองอกหัก
ทุกครั้งที่เรารู้สึกอยากได้ใครมาไว้ข้างกายเรา
ทุกครั้งที่เรารู้สึกอย่างนั้น
มันก็มักจะมีความรู้สึกอย่างนั้น
กับเราตลอดเวลาเช่นเดียวกัน
เพียงแต่เรา มองข้ามมันไป
เราไม่ใส่ใจมัน
ทุกครั้งที่เราเจ็บ
ทุกครั้งที่เราท้อ
แท้จริงเราก็มีคนที่คอยห่วงใย
ปลอบใจ
ซับน้ำตาอยู่ข้างเราเสมอ
แต่เราไม่ได้ใช้หัวใจมองพวกเขาหรือเธอเหล่านั้นเท่านั้นเอง

เพราะเรามัวแต่คิดว่า เราแย่
เราไม่ได้สิ่งที่เราอยากได้
เราจึงมีความรู้สึกว่า เราอกหัก ผิดหวัง ไร้ค่า
ทั้งที่ตลอดเวลา
ยังมีคนเห็นค่าเราทุกนาที
ที่คอยยื่นมือพยุงเรา
ยามที่เราจะล้มลง
แต่เรานั่นเองที่กลับทำให้พวกเขาและเธอเจ็บปวดโดยที่เราก็ไม่รู้ตัว
ลองหันมองข้างกายเราสักนิด
แล้วเราจะรู้ว่า
แท้จริงรักแท้
อยู่ใต้สายตาเรานี่เอง
มันเหมือนกับ ดวงตากับจมูก
ซึ่งอยู่ชิดติดกัน
แต่มองไม่เห็นความสำคัญซึ่งกันและกัน
มัวแต่ไปมองหาสิ่งไกลตัว
จนลืมค่าสิ่งใกล้ตัว
จนเมื่อวันนึง
เราสูญเสียสิ่งนั้นไป
เราจึงรู้ค่าของมัน
เมื่อเราเจ็บมา เซซัดมา
ก็ไม่มีใครยื่นมือมาคอยประคองเราแล้ว
บางครั้งเราเองนี่แหละ
ที่หลงทาง
มัวแต่วิ่งไล่ตามดวงจันทรา ที่เปล่งประกายสว่างไสว
อยู่ไกลตา และดูเหมือนว่า มันจ้องมาที่เรา 
แต่พอเรายื่นมือออกไปจะไขว่คว้า
เจ้าจันทรานั้นก็อยู่ห่างไกลเราเสียเหลือเกิน
ครั้นเราเดินหนี ก็ดูเหมือนว่า เจ้าจันทรา
ก็จะเดินตามเราไปทุกหนทุกที่
แต่ทุกครั้งที่เราเดินเข้าหา
เจ้าจันทรานั้นก็ยิ่งห่างไกลเราออกไปทุกทีเช่นกัน

คนบางคนทำทุกอย่าง
เพื่อเป้าหมายเดียว
คือให้ได้ซึ่งตัวเรา
โดยอ้างความรักมาบังหน้า
แต่พอเราสิ้นท่า
ก็ทอดทิ้งเราไป
ทิ้งไว้แต่คราบน้ำตา
ความเจ็บปวด ทรมาน
และทิ้งภาระคือลูก หนี้สินไว้ให้เราแบกรับอีก

คนบางคนทำดีโดยที่ไม่เคยเรียกร้อง
ไม่เคยข้องแวะ
ยามเราทุกข์ มีปัญหา 
เรากลับเห็นหน้าพวกเขาหรือเธอ
แต่เมื่อเราแก้ปัญหาได้
เรามีความสุข
เรากลับไม่เห็นแม้เงากายพวกเขา
คนเหล่านี้ทำเพื่ออะไร
แต่ทำไมเราจึงมักมองข้าม
คนดีเหล่านี้
แต่พอมีปัญหา
เราก็กลับเจอหน้าเขา และคิดถึงเขาอีก
ทุกครั้งที่ปัญหาผ่านไป
เธอก็หายไปกลับสายลม
โดยไม่แยแสแม้คำขอบคุณ
ไม่สนใจแม้อะไรทั้งสิ้น
นี่คือความต่างระหว่างคนเรา

แต่บางครั้งเราเองนี่แหละที่ติดหลง คำป้อยอ
ติดหลงลมปาก ที่ฉาบทาด้วยน้ำลายเน่าเหม็น
ที่กระดิกลิ้น ให้เราลุ่มหลง
เพื่อที่จะได้ครอบครองเราเท่านั้น
หาใช่รักหรือปรารถนาจะใช้ชีวิตร่วมกับเราแต่อย่างใดเลย
แต่เราก็ยังลุ่มหลง
ลมปากที่เน่าเหม็นเหล่านั้น
หรือว่า

เพราะเราหลงติดยึดอยู่กับฝัน
เพราะเราหลงอยู่กับสิ่งไกลตัว
เพราะเราไม่เคยมี ไม่เคยได้
เราจึงอยากได้มันมาไว้ข้างกายเรา
จนลืมไปว่าเรามีสิ่งมีค่าที่สุด
ที่เหมาะสมกับเราแล้วในมือ
เพียงแต่เราไม่เคยถนอมมันไว้เลย
ถ้าทุกอย่างมันเป็นไปตามธรรมชาติของมัน
เราก็ไม่ต้องเสียเวลาไขว่คว้า วิ่งไล่ตาม
แต่มันจะเดินเข้ามาหาเราเอง
มันจะหล่นมากองที่ตรงหน้าของเราเอง
อย่าเสียเวลา
วิ่งไล่ตามสิ่งไกลตัวอีกเลย
อย่าโทษตัวเองอีกเลย
จงมองความจริง
จงอยู่กับความจริง
ธรรมชาติจะเป็นผู้กำหนด
ให้ทุกอย่างเป็นไปตามกฎธรรมชาติ
ลิขิตฟ้า คนอย่างเรากำหนดไม่ได้
อะไรที่ไม่ใช่ของเรา มันก็จะไม่ใช่อย่างนั้นตลอดไป
แม้ว่าเราอยากจะได้มันมาก็ตาม
และอะไรที่เป็นของเรา
มันก็จะเป็นของเราไม่วันใดก็วันหนึ่งแน่นอน
เพียงแต่ให้เราเตรียมพร้อมเอาไว้ เมื่อเวลามาถึง
เราจงปกปักษ์รักษามันเอาไว้ให้ดี
อย่าให้ต้องหลุดลอยจากมือไป

ทรัพย์สินเงินทองข้าวของอื่นใด
มันไม่จากเราไป เราก็ตายจากมัน อยู่ดี
แต่หัวใจรักที่มั่นคง
แม้ความตายมันก็พรากรักไปจากใจไม่ได้
ความรู้สึกดีๆที่ทุ่มลงให้กันโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน
มันจะได้สิ่งดีๆนั้นกลับมาเสมอ ไม่ช้าก็เร็ว
นี่ก็เป็นอีกหนึ่งความฝันเช่นกัน ที่จิตใจเราสร้างขึ้น
เพื่อปลอบโยนตัวเอง
เพื่อให้ตัวเองมีชีวิตอยู่ได้
บางครั้งเราก็หลอกตัวเอง
เพื่อต่อเวลาให้ตัวเอง
เราปั้นหน้าฝืนยิ้ม
ทั้งที่หัวใจเราท่วมเอ่อไปด้วยน้ำตา
ก็ใช่ล่ะ ก็เรา
มันเป็นสิ่งมีชีวิตธรรมดา
ที่เขาเรียกว่ามนุษย์นั่นเอง


วันจันทร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ความรักก็แค่องุ่นเปรี๊ยวหรืออย่างไร


มีบางคนบอกเราว่าเรื่องของความรักเป็นเรื่องของความเห็นแก่ตัว
เขาให้เหตุผลว่า คนที่อกหักผิดหวังส่วนใหญ่
เป็นพวกที่ชอบทำตัวเป็นนักบุญ
ทำตัวเป็นผู้ให้ เป็นผู้เสียสละตัวเอง
เพื่อแลกกับการได้มาซึ่งน้ำตา เป็นสิ่งตอบแทน
เขายังอธิบายอีกว่า
คนเราทุกคนไม่ว่าหญิงหรือชาย
ต่างมีเป้าหมาย มีสเป๊กซ์ในเรื่องความรัก หรือคัดสรรคนรัก เช่น
ถ้าเป็นผู้ชายก็จะ เลือกผู้หญิง สวยบ้าง ผิวดีบ้าง
บางคนก็เลือกนิสัยใจคอเป็นสำคัญอยู่ด้วยแล้วมีรอยยิ้ม สบายใจ 
หรือเป็นภรรยาที่ดี เป็นแม่ที่ดีของลูก เป็นครูที่ดีของลูกได้
และสามารถปกป้องลูกได้ยามไม่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอยู่แล้ว

เช่นเดียวกับผู้หญิงก็จะมองหาผู้ชาย
หน้าตาดี มีรักแท้ เป็นผู้ใหญ่
อบอุ่น อยู่ด้วยแล้วสบายใจ ปลอดภัย
หลับตาได้ลงอย่างสนิทใจ
ไม่กินเหร้า ไม่สูบบุหรี่
ไม่เล่นการพนัน
มีความรู้ มีการศึกษา
มีคุณสมบัติที่สังคมต้องการ
ไม่เป็นพิษภัยต่อสังคม
ไม่มีคดีติดตัว
ไม่เป็นโรคติดต่อ
ไม่มีหนี้สินล้นตัว
มองโลกบวก รู้ทันคน เป็นต้น

เหล่านี้คือคุณสมบัติที่ผู้หญิงและผู้ชายตั้งใจไว้เป็นเบื้องต้น
แต่ในความเป็นจริง
คนที่มีคุณสมบัติอย่างนั้นหายากยิ่ง เสียกว่างมเข็มในทะเลเสียอีก
แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีเสียเลย
เมื่อมาพบเจอสิ่งที่ตนเองหามาตลอดชีวิตแล้วนี่สิ
จะทำอย่างไร เมื่อสิ่งมีชีวิตเป็นๆที่เราต้องการ
มายืนอยู่ข้างหน้ากับเราแล้ว
มาพูดคุย มารู้จักกับเราแล้ว
แทนที่เราจะฉวยโอกาสนี้ไขว่คว้ามาเป็นของเรา
แต่เรากลับ ลังเล ไม่แน่ใจ
หรือแคร์สายตาสังคม ไม่กล้าแม้เอ่ยความต้องการของตัวเองในใจออกไป
สุดท้ายก็ได้แค่มอง แค่แอบรัก แอบคิดถึง แอบห่วงใย อยู่ห่างๆเท่านั้นเอง
และก็ปล่อยเขาไป ให้เขาหลุดลอยไปอยู่กับคนอื่น อย่างน่าเสียดาย
เพียงเพราะต้องการบอกสังคมว่า เรานี้ เสียสละ
แล้วมาคิดคำพูดปลอบใจตัวเองว่า
ความรักคือการให้ คือการเสียสละ
มันชั่งเหมือนกับนิทานอีสป
เรื่ององุ่นเปรี๊ยว
ที่เจ้าหมาจิ้งจอก เห็นองุ่นสุกเต็มต้น
สัตว์อื่นๆน้อยใหญ่ ต่างเก็บกินอย่างเอร็ดอร่อย
แต่เจ้าสุนัขจิ้งจอก ใช้ทุกวิถีทางที่จะให้ได้ลิ้มรสขององุ่น
ทั้งยืนสองขา
กระโดดงับ ปีนป่ายทุกวิถีทาง
แต่ก็ไม่สามารถงับกินลูกองุ่นได้เลย
จนในที่สุดตัวเองก็ท้อแท้ หมดแรง แล้วนั่งมองช่อองุ่น
แล้วเดินหนีจากไป
พร้อมกับคิดคำพูดมาปลอบใจตัวเองว่า โธ่แค่องุ่นเปรี๊ยว
ข้าไม่เห็นอยากจะกินเลย แค่องุ่นเปรี๊ยวข้าไม่เห็นอยากกินเลย
แล้วก็เดินเข้าป่าไปอย่างคอตกและสิ้นหวัง

หรือว่านี่คือวิถีทางของรัก
คือต้องแย่งชิงเพื่อตัวเราเองก่อน
หรือเดินจากไปได้แต่รอยน้ำตา
มันก็ไม่ง่ายที่จะตัดสินใจเหมือนกันว่าไหม


วันพฤหัสบดีที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

เมื่อสายลมเปลี่ยนทิศทาง



คำสัญญา
ที่ฉันเคยรักษามันมาตลอดทั้งชีวิต
มันเป็นคำสัญญาใจ ระหว่างเราสองคน
ถึงแม้ว่าเส้นทางชีวิตรักเรา
จะเกิดอุบัติเหตุขึ้นกลางทาง
ทำให้ทางรักเราขาดสะบั้นลง

แต่ตลอดระยะเวลาหลายสิบปี ที่ผ่านมา
หัวใจของฉัน หาได้ ลืมเลือนคำสัญญา
เหล่านั้นเลย
ตรงกันข้าม ฉันยังจดจำ จารึกไว้ในที่ต่างๆ
ทั้งที่ส่วนลึกของหัวใจฉัน
ความทรงจำ
รวมไปถึงเป็นลายลักษณ์อักษร
เพื่อแสดงออกให้เธอได้รู้ว่า
แม้เวลาจะผ่านไปนานเท่าใด
แม้ตัวของเราจะไม่เคยได้พบเจอกันอีกเลย
แม้ฉันจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่า 
เธอยังมีชีวิตอยู่หรือไม่

ฉันก็ยังรักษา คำสัญญากับเธอนั้นเอาไว้เสมอมา
ตลอดระยะเวลาที่เราพรากจากกัน
ในหัวใจของฉัน
ก็มิเคยลืมเธอได้เลยแม้แต่เสี้ยวนาทีเดียว

ฉันเฝ้ารอ
วันแล้ววันเล่า
จากผิวกายที่เต่งตึง
จากผิวหน้าที่สดใส
จากร่างกายที่ดูดี
จากเส้นผมสีดำขวับ
ก็กลับกลาย
เปลี่ยนแปรไปตามกาลเวลา

แต่ทว่า
เวลาหาได้พรากรัก พรากสัญญาใจ
ที่ฉันและเธอให้ไว้ ออกไปจากหัวใจของฉันได้เลย
มันเจ็บปวดนัก
มันทรมานอย่างแสนสา
มันทุกข์ตรมเป็นเหลือที่

ฉันรอเธอ
รอแล้วรอเล่า
แม้ฉันจะรู้ดีว่า
มันจะไม่มีเวลาดีๆนั้นกลับคืนมาอีกแล้ว
แต่หัวใจของฉัน
ก็หาได้ย่อท้อไม่
แม้ฉันจะหลอกตัวเอง
ว่าซักวันเธอจะกลับมา

ระหว่างที่ฉันรอเธอ
มีผู้คนมากมาย
ที่พยายามจะเบียดแทรกเข้ามายืนในหัวใจของฉัน
แต่หัวใจของฉัน
ก็หาได้เปิดประตูใจ ต้อนรับพวกเขาเหล่านั้นไม่
วันแล้ววันเล่า
ปีแล้วปีเล่า
เธออยู่ไหนล่ะที่รัก

เธอรู้ไหม
ฉันเจ็บ ฉันทุกข์ตรมเหลือเกิน
ฉันต้องการกำลังใจ
ฉันต้องการคำปลอบประโลม
ยามฉันเหนื่อย
ยามฉันท้อ
ยามฉันร้องไห้
น้ำตาฉันไหลอาบดวงแก้ม
ฉันอยากเห็นมือน้อยๆ
ที่แสนอบอุ่น นุ่มนวลมือนั้นของเธอ ปลอบโยน เช็ดซับน้ำตาให้

ฉันรอ จนน้ำตาฉันเหือดแห้ง
ฉันเจ็บปวดจนหัวใจฉันตายด้าน ชาชิน
ฉันอยากได้ยิน
ฉันอยากรู้ข่าวคราวจากเธอ
ที่รักจ๋า เธออยู่ไหน
ฉันทรมานหัวใจเหลือเกิน

ยิ่งนานวัน
ฉันก็ยิ่งรู้ว่า 
ฉันหลอกตัวเอง
ฉันปล่อยให้ตัวเอง ถูกเวลาฆ่าฟันกลืนกินไป
ทีละน้อย ทีละน้อย

ทุกวันนี้ ฉันเริ่มคิดว่า ก่อนตายจากโลกนี้ไป
ฉันอยากมีใครซักคน เข้ามาแทนเธอ
เข้ามาเติมเต็ม ชดเชยให้ใจฉัน
เมื่อสายลมมันยังเปลี่ยนทาง
เมื่อความเหงา อ้างว้าง
มันคอยเกาะกิน ทำลายหัวใจฉัน
ฉันก็ยากที่จะทานทนอีกต่อไป

อย่าตำหนิฉันเลยที่รัก
ถ้าหากว่า 
มีใครซักคนยื่นมือเข้ามาซับน้ำตาฉันแทนเธอ
ทั้งที่ฉันอยากให้เป็นตัวเธอ
แต่เมื่อเธอมาไม่ได้
ก็ขอให้เธออภัยให้ฉันเถิดที่รัก
ที่ฉันอาจจะเปิดประตูหัวใจ
รับใครเข้ามาแทนที่เธอ
เพื่อฉันจะได้ใช้ชีวิต
ในช่วงที่เหลือ และลาโลกไป
โดยที่ได้ลิ้มรสและสัมผัสกับ
คำว่ารักแท้ อีกสักครั้ง
อภัยฉันเถิดนะคนดี



ที่รักเธออยู่ไหน
สายัณห์ สัญญา ขับร้อง


วันอังคารที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

พันธนาการ


คนเราเมื่อมีชีวิตเกิดมา
ต่างก็ขันแข่งแย่งชิง
รวมถึงการสร้างกรอบ กติกา มากักขัง กักล่ามตัวเองเอาไว้
ทั้งที่มนุษย์มีสิทธิโดยธรรมชาติ ที่จะแสวงหาสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตนเอง
มีอิสระเสรีภาพทางความคิด ตราบใดที่ไม่ละเมิดบุคคลอื่น
มนุษย์มีอิสระที่จะ ท่องไปทุกหนแห่ง
มนุษย์มีสิทธิที่จะรัก หรือไม่รักใครก็ได้ ด้วยการตัดสินใจของตัวเอง
แต่มนุษย์กลับทำเช่นนั้นไม่ได้
นั่นก็เพราะมนุษย์
ได้สร้าง กรอบ และกติกาของสังคมขึ้นมา
กักขังตัวเองเอาไว้
กติกาเหล่านี้จึงเปรียบเหมือน พันธนาการ หรือโซ่ตรวนที่กักล่ามตัวเองเอาไว้
บางครั้ง เราไม่สามารถพูดออกมาได้ด้วยซ้ำ ว่าเรารักใคร
อยากอยู่ อยากใกล้ อยากดูแลห่วงใย
อยากพูดคุย เฮฮาปราศรัย
เราก็ทำไม่ได้
ทำได้ดีที่สุดแค่เพียง แอบมอง
จ้องดูเธอเดินผ่านไปจนลับตา
แล้วก็เอามือกุมหัวใจเมื่อเธอเดินผ่านไป
มันชั่งรันทดหัวใจเสียเหลือเกิน



ภาพรักหลอมใจ และเพลง ที่รักจ๋า
ขับร้องโดย พี่เป้า สายัณห์ สัญญา






ความสุขคืออะไร


หลายคนเฝ้าถามใจตัวเองว่า
อะไรคือความสุข
และหลายคนก็ตอบว่า
ความสุขก็คือการที่ได้ทำอะไรตามใจตนเอง คือความสุข
หลายคนก็ตอบว่า การได้ครอบครองวัตถุ และการได้เสพวัตถุ เป็นความสุข

โดยรวมแล้ว คนทั่วไปก็มักนิยามความหมายของความสุขไปในทาง
ตอบสนองความต้องการของตนเอง
หรือการได้ครอบครอง ได้ทำตามใจตนเอง ว่าเป็นความสุข
สำหรับฉันมองว่า
ความสุขที่แท้จริง เริ่มต้นที่จิตใจเรา
จะเห็นได้ว่า คนรวยมากมาย ที่ครอบครองวัตถุเกือบทุกอย่างบนโลกนี้
แต่ทำไมพวกเขาจึงไม่มีความสุข
หลายคนมีเงินเป็น พันล้าน เป็นหมื่นล้าน
แต่ชีวิตของพวกเขา มีแต่สิ่งจอมปลอม
ตั้งแต่มีคนประจบสอพลอ เอาใจ เพื่อหวังประโยชน์ มีคนรัก ก็มองแค่
ทรัพย์ภายนอก ชีวิตคนพวกนี้ไม่ได้อยู่กับโลกของความจริงเลย
อยู่ในสังคมจอมปลอม
ฉาบทาด้วยน้ำลายเหม็นๆ
และลมลิ้นที่ล่อลวง

แม้มีทรัพย์สินเงินทองมากมาย
มีบริวารห้อมล้อม
แต่มันก็เต็มไปด้วย สิ่งแลกเปลี่ยน
จ้างให้รัก จ้างให้ชอบ จ้างให้อยู่ข้างๆ

เวลาที่จะอยู่กับความจริงหาได้น้อยนิด
แม้แต่คำว่าครอบครัว ที่พ่อแม่ลูกได้นั่งอยู่
พร้อมหน้า ทานอาหารร่วมกัน
หัวเราะเฮฮาประสาครอบครัวก็หาไม่มี

ในที่สุด ก็ทำให้คนเหล่านี้ ขาดความสุข
และมีทัศนคติที่ไม่ดีต่อสังคมไปด้วย
เนื่องจากพวกเขามีบริวารเพราะเงิน
พวกเขาจึงคิดว่า คนทั้งหมดซื้อได้ด้วยเงิน
ดังนั้นมีมากมายที่เราจะเห็นคนพวกนี้ทุ่มซื้อมันด้วยเงิน
เพราะเขาคิดว่า นั่นคือความสุขที่แท้จริง
หรือเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการและแสวงหา

ความสุขที่แท้จริงตามหลักพุทธศาสนาก็คือ
กายสุข ใจสุข คือมีร่างกายแข็งแรงปราศจากโรคภัยเบียดเบียน
มีจิตใจ ที่ระลึกรู้ มีสติอยู่เสมอ และไม่ยึดติด กับรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส
เมื่อกายเป็นสุข ใจเป็นสุข
ในที่สุด ความสุขก็จะถูกผ่องถ่ายออกสู่สังคมรอบข้างได้อานิสงค์นั้นไปด้วย






วันจันทร์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

พิษแห่งกาลเวลา


ช่วงชีวิตที่ผ่านมาของฉัน
บางครั้งฉันคิดว่าฉันเดินหลงทาง
บางครั้งฉันกลับคิดว่า ฉันมาถูกทางแล้ว
ความอ่อนด้อยของฉัน
ทำให้ฉันคิดอย่างนั้น
เมื่อเวลาผ่านไป
ฉันกลับรู้สึกว่า
 ถูก- ผิด
แท้จริงมันอยู่ที่ความรู้สึกของฉันเท่านั้นเอง
บางครั้งเราก็เคยเสียดายเวลาที่ผ่านไป
บางครั้งฉันกลับขอบคุณมัน
ที่มันทำให้ฉันเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น
ค้นหาตัวตนที่แท้จริงของฉัน
ถูกต้องยิ่งขึ้น

แต่สิ่งหนึ่งที่เวลาให้ฉันไม่ได้คือ
คืนอดีตกลับมาให้ฉันได้เดินกลับไป เพื่อที่จะแก้ไขมันใหม่
เวลาให้ฉันไม่ได้ ฉันยังคาใจในบางครั้ง
เมื่อฉันย้อนคิด และเมื่อฉันพบเจอ คนที่ใช่
ที่ฉันแน่ใจว่า เขาจะพาฉันก้าวไป และเติมเต็มส่วนที่ฉันขาดหายไปนั้นกลับคืนมา
เมื่อเวลาให้บททดสอบฉัน
เมื่อเวลาให้ฉันมาพบเจอกับเขา
แล้วทำไมเวลา
จึงให้ฉันมาเจอกับเขา ผิดที่ ผิดเวลา
หรือว่า
นี่เป็นบทพิสูจน์ฉันอีกครั้ง
หรือว่านี่เป็นโอกาสที่เวลามอบให้ฉันวัดใจ
ว่าฉันมีความกล้าพอไหมที่จะหยิบฉวย
ไขว่คว้าเอาไว้

ทำไมนะ
ทำไม เวลาไม่ให้บทเรียนที่ง่ายกว่านี้
สำหรับคนใจช้ำ และหัวใจเคยมีแผลอย่างฉัน
แล้วฉันจะทำอย่างไร
ระหว่างนั่งดูเธอจากฉันไป
และหายลับตามกาลเวลา
หรือไขว่คว้าเขามา ไว้แนบอกใจ
ชั่งเป็นโจทย์ที่ยาก สำหรับคนใจช้ำอย่างฉันเสียจริง




บางเวลา


ฉันสับสนเสมอ
เมื่อมีคนมาถามฉันเกี่ยวกับเรื่องของความรัก
ว่าแท้จริง มันคืออะไร
หลายคนบอกว่า
มันคือการให้
บางคนบอกว่ามันคือ ยาพิษ
บางคนบอกว่า มันคือการเสียสละ
แต่ในบางครั้ง
ฉันกลับคิดว่า
ความรักมันเป็นเพียง เส้นใยบางๆ
ที่มีความเปราะ พร้อมที่จะขาดวิ่นได้ทุกเวลา
เมื่อมีอะไรมากระทบมัน
และมันก็พร้อมที่จะอ่อนไหว พันเกี่ยวไปได้ทุกขณะเช่นกัน

ก็ไม่รู้สินะ
ฉันรู้แค่เพียงว่า
ฉันเคยเจ็บ และเสียน้ำตา เพราะความรัก
แต่ในส่วนลึกหัวใจฉัน ก็ยังแอบวาดหวังไว้เสมอว่า
ฉันจะได้พบนิยามของความรัก ที่ถูกต้อง และแท้จริง
โดยที่ฉันไม่ต้องจินตนาการ โดยมีใครซักคนนำมามอบให้
ฉันยังแอบฝันและรอมันเสมอ

จะเอาอะไรล่ะ 
ก็หัวใจของฉัน มันก็แค่เพียงก้อนเนื้อ
มีความรู้สึก
เจ็บปวด ดีใจ เสียใจ เป็นธรรมดา
โดยเฉพาะก้อนเนื้อหัวใจก้อนเดียวของฉัน
ยังบอบช้ำ และอ่อนไหวเกินจะถูกใช้
พิสูจน์นิยามความรักจากใคร


บันทึกความจำ


ความทรงจำที่เลือนลาง
สุดท้าย มันมักจะเลือนหายไปตามกาลเวลา
ถ้าเราปล่อยให้มันผ่านเลยไป
สุดท้ายมันก็จะหายไปจากหน่วยความจำของเราตลอดไป

มันน่าเสียดาย
ถ้าความทรงจำนั้น มันมีความสำคัญ
กับชีวิตของเรา
มันเป็นความทรงจำและความรู้สึกดีดี
เราไม่ควรปล่อยให้มันผ่านเลยพ้นไป
เพราะมันคือ อดีตของเรา
มันคือสิ่งที่ทำให้เรามีวันนี้

ฉันจะบันทึกทุกความทรงจำของฉัน
ทั้งแง่บวก และแง่ลบ ไว้ที่นี่
ที่ที่ฉันกำหนดได้ ด้วยตัวของฉันเอง



ขอเป็นคนสุดท้าย (นะจ๊ะ)
พี่เป้า สายัณห์ สัญญา ขับร้อง

ใครจะเป็นคนแรกของเธอฉันไม่สน
ฉันขอเป็นคนสุดท้ายของใจเธอ