ยินดีต้อนรับทุกท่านสำหรับคนใจช้ำที่ถูกย่ำยีมาไม่ว่าคุณจะเป็นใครเราคือเพื่อนกัน

วันอังคารที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2558

น้ำผึ้งร้อยไห ไม่เท่าน้ำใจหยดเดียว




มีหมาเป็นเพื่อน ดีกว่ามีเพื่อนหมาหมา
หรือช่วยคนที่ไม่รู้จักบุญคุณคน ช่วยหมาดีกว่า

นี่เป็นตัวอย่างของคำสอนโบราญ
ซึ่งมันเป็นความจริงอยู่เสมอไม่ว่ายุคกาลจะผันผ่านไปนานเท่าใด
โบราญว่า
อย่าดูถูกน้ำน้อยที่ซึมจากบ่อทราย
เพราะน้ำน้อยนั้นไหลซึมอยู่ทุกวันเวลา
เมื่อหลายวันผ่านไปก็กลายเป็นน้ำมาก

โบราญว่า
ยามเราหิวน้ำจนปากแห้งตาลาย 
มีใครซักคนส่งแก้วน้ำเย็นๆยื่นให้ ก็ให้ถือว่าน้ำเพียงแก้วนั้นช่วยชีวิตเรา
คนคนนั้นมีบุญคุณกับเรา อย่าไปมองว่าแค่น้ำแก้วเดียว เดี๋ยวจะคืนให้ก็ได้
เพราะในเวลานั้นเราขาด เราต้องการน้ำ ถ้าไม่ได้น้ำแก้วเดียวเราก็ตายได้
น้ำแก้วเดียวจึงเป็นน้ำที่ต่อชีวิตเราไว้

ยามเราหิวข้าว มีคนส่งข้าวให้เรา แม้เพียงเมล็ดเดียว
ท่านก็สอนว่า นั่นคือบุญคุณ โดยอย่าไปมองว่า
ข้าวจะมากจะน้อย แต่ยามนั้นเราต้องการอาหาร
ข้าวเพียงน้อยนั้นมันต่ออายุเรา

สิ่งที่สำคัญกว่าน้ำและข้าวก็คือ น้ำใจของผู้ที่หยิบยื่นให้
ให้เราถือว่าเป็นผู้มีพระคุณ ที่เราต้องเคารพตอบแทน

ท่านจึงสอนว่าเราต้องรู้จักกตัญญูกตเวที
กตัญญู คือการรู้คุณ สำนึกในบุญคุณของผู้ที่ยื่นน้ำใจยื่นโอกาสให้เรา
 หรือเลื้ยงเรามาอบรมสั่งสอนเรามาจนโตเติบใหญ่

ส่วนกตเวที คือการตอบแทนคุณนั้น ด้วยการ เชื่อฟัง เคารพ อ่อนน้อม
หรือเลี้ยงดูท่านยามชรา

กตัญญูกตเวที เป็นคุณสมบัติของผู้ที่ประเสริฐแล้ว เจริญแล้วเท่านั้น
คนถ่อย หรือพวกเดรัจฉานชั้นต่ำ จะไม่มีคุณสมบัตินี้ติดตัวเลย

ท่านสอนว่า ผุ้ที่กตัญญูกตเวที ตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้
ทำมาหากินก็จะเจริญก้าวหน้า ไม่ป่วยไข้เป็นโรคภัยกระเสาะกระแสะ

ตรงกันข้ามกับผู้ที่ไม่สำนึกในผู้มีพระคุณ
จะตกต่ำในชีวิต ทำมาหากินไม่ขึ้น
มีหน้าตาอิดโรย หมองคล้ำ ไม่มีสง่าราศี
ทำมาหากินไม่ขึ้น ได้มาก็หมดไป
แม้ยามตายไปก็ไร้เพื่อนฝูงที่มาดูใจ เพราะขาดความกตัญญู

น้ำใจที่คนคนนึงส่งยื่นให้
ถ้าเรามองว่า ก็แค่นั้น ไม่มีความสำคัญอะไร
ก็จะไม่มีใครให้เกียรติ และให้ความสำคัญกับเราเลย
เพราะเราเองมองไม่เห็น สิ่งที่มีค่ากว่าสิ่งของนั้นคือจิตใจของผู้ให้

วันนึงข้างหน้าข้างกายเราจะไม่เหลือใครเลย
ผู้ใดมองน้ำใจผู้อื่นว่า เสือกมึงให้กูเอง
คนผู้นั้น ควรถูกประณาม ควรถูกกันออกห่างจากผู้ที่เจริญแล้ว
เพราะข้าวก้อนเดียวที่เขาโยนให้หมากิน หมาซึ่งเป็นเดรัจฉาน
มันยังรู้คุณ ผู้ที่เป็นคนกลับไม่รู้คุณ ก็จิตใจต่ำกว่าเดรัจฉาน 
ผู้เป็นบัณฑิตไม่ควรเข้าใกล้คนประเภทนี้

พุทธองค์สอนว่า บางคนมืดมา สว่างไป
บางคนมืดมาแล้วก็มืดไป
หมายถึงบางคนเกิดมา ก็เป็นคนโง่เขลาเบาปัญญา
แต่พอโตเติบใหญ่ กลับขวนขวาย คบบัณฑิต
ใฝ่รู้ใฝ่เรียน เข้ารับการติเตียนจากบัณฑิต เพื่อหาข้อบกพร่องตนเองเป็นประจำ
และนำไปศึกษาเล่าเรียนกล่อมเกลาตัวเอง จนในที่สุดแตกฉานวิชา
 รู้ดีรู้ชั่ว แยกแยะถูกผิดได้ดวงตาเห็นธรรม 
คนพวกนี้เรียกว่ามืดมา สว่างไป คือตอนตายก็ตายแบบผู้รู้

ต่างจากพวกมืดมามีดไป เป็นพวกที่กิเลสหนา ปัญญาทึบ ทิฐิมานะสูง
ไม่เปิดใจรับคำติเตียน วิพากษ์วิจารณ์ ตรวจสอบตนเอง
แยกแยะถูกผิดชั่วดีออกจากกันไม่ได้ ฝึกฝนอบรมกล่อมเกลาตัวเองไม่ได้
ตกอยู่ภายใต้อำนาจอารมณ์ หรืออารมณ์ทางต่ำ ใฝ่ต่ำอยู่เป็นนิจ
จนถึงยามจากโลกไปก็ไปแบบมืดหรือมืดมาและมีดไป

เปรียบเหมือนบัว 4 เหล่า พวกนี้ก็เป็นบัวใต้โคลนตม
ไม่มีวันจะโผล่พ้นน้ำขึ้นมาได้ สุดท้ายก็เป็นอาหารของเต่าของปลาในที่สุด


Sunday wallpaper


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น