มนุษย์เราทุกคน
เมื่อเกิดมาบนโลกนี้แล้ว
ต่างล้วนมีบทบาทและหน้าที่เป็นของตัวเองทั้งสิ้น
ผู้หญิงทุกคน
ต่างก็มีบทบาทเป็นทั้งภรรยา
บทบาทการเป็นแม่ที่ดี
บทบาทการเป็นครูสำหรับลูก
และอีกหลายบทบาทหน้าที่
ผู้ชายทุกคนก็เช่นกัน
บางคนก็อาจมีบทบาทเป็นผู้นำองค์กร
แต่อีกบทบาทก็คือเป็นพ่อของลูก
และก็เป็นลูกของพ่อแม่เราด้วย
เป็นสามีที่ดี
บทบาทที่เราได้รับนั้น
มักจะมาพร้อมกับหน้าที่ หน้าที่ที่แตกต่างกันออกไปตามแต่ละบทบาทที่เราได้รับ
ในสังคมมากน้อยแตกต่างกันไป
ดังนั้นโดยธรรมชาติของมนุษย์
อริสโตเติล บิดาแห่งวิชารัฐศาสตร์กล่าวไว้ว่า
มนุษย์เป็นสัตว์สังคม
หมายถึงมนุษย์ไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้โดยตัวเองเพียงลำพัง
นับตั้งแต่ลืมตาดูโลก มนุษย์ก็ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้เลย
และมนุษย์ยังต้องใช้เวลาในการเจริญเติบโต
ใช้เวลาในการเรียนรู้นานมากกว่าสิ่งมีชีวิตอื่นในโลกนี้
จนกว่าจะพ้นมือพ่อมือแม่
มนุษย์ใช้เวลาในการเจริญเติบโตจนสามารถ
พึ่งพาตนเองได้นั้น อายุก็เลยเข้าไปกว่า 20 ปี หรือ 30 ปี
บางทีแม้มีครอบครัวแล้ว
บางคนยังต้องพึ่งพาคนอื่นอยู่อีกร่ำไปในการดำรงชีวิต
สิ่งเดียวที่มนุษย์ไม่ต้องเรียนรู้ก็คือ การร้องไห้เท่านั้นเอง
มนุษย์สามารถร้องไห้ได้ตั้งแต่เกิดลืมตาดูโลกแล้ว
เมื่อวงจรชีวิตมนุษย์ถูกกำหนดให้อยู่กันเป็นสังคม
อยู่ร่วมกับผู้อื่น พึ่งพาผู้อื่น
ต้องการความรัก ความห่วงใยจากผู้อื่น
ต้องการการถ่ายทอดความรู้วิทยาการจากผู้อื่น
จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ ที่มนุษย์จะต้องมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น
เมื่อธรรมชาติกำหนดบทบาทและหน้าที่ให้เรามา
แล้วประโยชน์อะไรที่เราจะฝืนธรรมชาติเหล่านั้น
เขากำหนดให้เรารัก ชอบ โกรธ เกลียด
นี่ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาเมื่อเราปฏิสัมพันธ์กันทางสังคม
การฝืนตัวเองไม่ให้รักใคร ทั้งที่ใจรัก
การฝืนตัวเองว่าไม่ต้องการความอบอุ่น ความปลอดภัยทั้งที่ใจต้องการ
การฝืนตัวเองไม่อยากเป็นแม่ ทั้งที่ตัวเราเองมีคุณสมบัติของแม่ที่ดีอยู่ในตัว
การฝืนตัวเองไม่อยากมีครอบครัว ไม่อยากเป็นพ่อทั้งที่เรามีคุณสมบัติของความเป็นพ่อ
ตามธรรมชาติแล้ว
การฝืนตัวเองไม่อยากเป็นภรรยาใครซักคน
การฝืนตัวเองไม่อยากเป็นสามี
เหล่านี้เป็นการฝ่าฝืนกฎธรรมชาติ
เป็นการละเลยต่อหน้าที่ที่ธรรมชาติมอบหมายให้
การเกิดมาเป็นคน
ถึงแม้จะสุขบ้าง ทุกข์บ้าง
แต่เมื่อเราได้สวมบทบาทหน้าที่นั้นแล้วอย่างน้อยเราก็ได้ชื่อว่าทำหน้าที่
เป็นพ่อ เป็นแม่ เป็นผู้ให้กำเนิดชีวิต เป็นผู้ให้การอบรมสั่งสอนเลี้ยงดูคน
เป็นสามี เป็นภรรยา
เมื่อเราได้ทำหน้าที่นั้นแล้วก็ชั่งเถิดอะไรจะเกิดขึ้นตามมา
เมื่อเรามีรักมีใจ
เราก็ไม่ควรห้ามหักใจฝ่าฝืนมัน
มันจะสมหวังบ้าง ผิดหวังบ้าง
อย่างน้อยก็เป็นสิ่งยืนยันได้ว่า เราเป็นสิ่งมีชีวิต
มีหัวจิต มีหัวใจ มีเลือดเนื้อ มีความรู้สึก
ประโยชน์อะไรถ้าเราสามารถทำหน้าที่ในบทบาทนั้นได้แต่เรากลับไม่ทำ
มีความสุขอะไรกับการได้นั่งเหงามองกำแพงฝาบ้านเพียงลำพัง
ไร้เสียงคนคอยถามไถ่ ว่าเหนื่อยไหม สบายดีอยู่ไหม
ความสุขอะไรกับการนั่งดูจอทีวีคนเดียวทุกวี่วัน
นั่งหัวเราะคนเดียว บ่นคนเดียว
มันเหมือนคนบ้า ที่ปล่อยให้เวลาทำลายตัวเอง
และฝืนตัวเองอยู่กับความเงียบเหงานั้น
ทั้งที่เราถูกธรรมชาติกำหนดให้เรามา เป็น พ่อ เป็นแม่
เป็นผู้สร้าง เป็นผู้ให้ เป็นผู้ถ่ายทอดจิตวิญญาณของพ่อแม่ ปู่ย่าตายายเรา
ผ่านไปยังรุ่นต่อไปทางสายเลือด ให้สืบต่อกันไป แล้วเรื่องอะไรเราต้องเป็นผู้ตัดตอน
เส้นทางชีวิตของบรรพชนเราที่เลี้ยงดูเรามา ให้ชีวิตใหม่เกิดขึ้น
และสืบต่อกันไปรุ่นแล้วรุ่นเล่า
เพราะนี่เป็นบทบาทของเราเหล่ามนุษย์ที่ธรรมชาติบทบาทให้เรามา
แล้วทำไมเราจึงต้องไปฝืนบทบาทที่ยิ่งใหญ่เหล่านี้
เห็นด้วยเลยจ้า
ตอบลบบางทีเราก็คิดว่าเราจะอย่างนั้นอย่างนี้
พอได้อ่านก้ให้คิดได้ว่า อ๋อแท้จริงเราก็ยังได้ชื่อว่าเป็นแม่คน ให้ชีวิตคน รับผิดชอบคนให้โตมาได้