ยินดีต้อนรับทุกท่านสำหรับคนใจช้ำที่ถูกย่ำยีมาไม่ว่าคุณจะเป็นใครเราคือเพื่อนกัน

วันอังคารที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2559

วันอำลา




คนเราส่วนใหญ่ เวลามีคนพูดความจริงเรามักจะไม่เชื่อ 
เพราะการพูดความจริง บางครั้งมันไม่ถูกกับใจเรา มันไม่ถูกกับจิตของเรา
เราจึงไม่เชื่อ ไม่ชอบที่จะรับฟังความจริง

แต่เมื่อมีคนมาพูดโกหกตอแหล เรากลับชอบ กลับหลงใหลได้ปลื้ม
กับคำพูดโกหกตอแหลนั้น และเชื่อในขี้ปากของคนคนนั้นว่า เป็นจริง
สุดท้ายคำพูดโกหกตอแหล ก็ชักนำเราไปสู่จุดเปลี่ยนของชีวิต

ถ้าเราลองย้อนเวลา ย้อนอดีตดู เราจะพบว่า
ความผิดพลาดของเรา ก็เริ่มมาจาก หลงใหลได้ปลื้มกับคำพูด โกหกตอแหลนี่เอง
คำพูดจริง มันเหมือนยาขม ที่มีรสชาติ ไม่น่ากิน แต่มันมักมีประโยชน์ รักษาโรคได้
มิตรคนใด ที่กล้าตำหนิเราต่อหน้า คนคนนั้นคือมิตรแท้ คือกัลยาณมิตร

เราลองคิดดู เขาไม่จำเป็นต้องมาพูดให้เรา ต้องไปเกลียดชังเขาก็ได้
เขาเลี่ยงที่จะไม่พูดเสียก็ได้ เพื่อไม่ให้กระทบกระทั่งกับเรา
แต่ทำไมเขาพูด  นั่นก็เพราะว่า เขาเห็นเราเป็นมิตร เขาอยากเตือน อยากบอก
ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเรา มันทำให้เราได้รู้ตัว รู้สติ

เช่นถ้าเราปากเหม็น
คนอื่นคงไม่มีใครกล้าพูดว่า ปากเองเหม็นมาก
คงมีแต่เพื่อนแท้ที่กล้าพูดเพื่อให้เรารู้ตัว
หรือถ้าเรากินอาหาร แล้วมีเศษพริก เศษผักติดฟัน
คนอื่นก็คงนั่งขำเรา มิตรแท้เท่านั้นที่กล้าบอกเรา
แต่หลายครั้ง คำพูดที่จริงใจจากมิตรแท้
มักจะถูกแปรเป็นความหมายที่ผิดเสมอ
หลายคนผลักไสมิตรแท้ เพียงเพราะพูดไม่ถูกใจตนเอง
จะรู้ตัวว่าเสียมิตรที่ดี ก็ตอนที่สูญเสียมันไปแล้วเท่านั้น

หลายคนมองข้ามเหยียดหยาม
จนเมื่อเวลาผ่านไปเราถึงได้รู้ว่า
เราทำลายมิตรแท้ด้วยมือเราเอง

ตัวฉันเองก็เป็นเช่นนี้
ฉันมักตักเตือนคนอื่นอยู่เสมอเมื่อเห็นว่าทำไม่ถูก
และฉันพยายามช่วยเหลือคนอื่นอยู่เสมอเพราะฉันเห็นว่าเขาเป็นมิตร
ฉันเฝ้าคอย เฝ้าระวัง ภัยน้อยใหญ่ให้คนรอบข้างฉันอยู่เสมอ
ฉันเฝ้าคอยเป็นห่วงคนที่ฉันรู้จักอยู่เสมอ

แต่สิ่งที่ฉันได้รับคือ
ฉันเป็นแค่หมาในสายตาของพวกเขา
ที่ฉันกัดฉันเห่าให้ก็เพราะฉันเสือกเองมาตลอด

แต่เนื่องจากฉันเป็นคนจริง
ฉันไม่เคยโกหกตอแหลเพื่อเอาใจใคร
สิ่งที่ฉันทำล้วนมาจากใจบริสุทธิ์ของฉัน

ภาพชายที่ใส่เสื้อขาดๆ ใส่กางเกงขาสั้น
เที่ยวเดินท่อมๆอยู่รอบบ้าน อยู่ศาลา เฝ้าเพียรปลูกพืชผักให้คนได้เก็บกิน
ท่ามกลางเสียงดูแคลนว่าปลูกได้มันก็ไม่ขึ้น แต่ฉันก็ทำให้เห็นแล้ว
ว่าฉันทำได้ และสีเขียวรอบบ้านมันมาจากมือฉัน และคนที่ดูถูกฉันก็ได้เก็บกินใช้สอยมัน

ภาพชายที่มอซอคนนั้นกำลังจะหายไปจากบ้านหลังนี้
ศาลาที่เขาเคยนั่งคอยใครซักคน จะไม่มีภาพเขาอีกต่อไป
จะไม่มีเสียงเรียกลุงก้อง พี่ก้องมาทำโน่น ทำนี่ให้หน่อยอีกต่อไป
ตลอดระยะเวลา ที่ฉันเป็นคนมอซอ ฉันจึงได้เห็นน้ำใจคน
ที่เดินข้ามหัวฉันไปมาทุกวัน

ชายมอซอคนนั้น บังเอิญมีการศึกษา
เส้นทางชีวิตอาจหยุดบ้างล้มบ้าง
แต่ไม่สมควรมีใครมาเดินข้าม
บัดนี้คงได้เวลาที่เขาจะจากบ้านหลังนี้ไป
โดยไม่เหลือรอยรักรอยอาลัยจากใครอยู่เลย
ถึงแม้เขาจะได้ทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างในบ้านหลังนี้แล้วก็ตาม

ลาก่อนทุกคน ลาก่อนเด็กๆ
ลาก่อนศาลา ลาก่อนคนใจดำทั้งหลาย
ถึงเวลาที่ชีวิตฉันจะเดินไปในวงโคจรของฉันเองบ้างแล้ว
ตามแบบของฉันเอง

ลาก่อน


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น