ยินดีต้อนรับทุกท่านสำหรับคนใจช้ำที่ถูกย่ำยีมาไม่ว่าคุณจะเป็นใครเราคือเพื่อนกัน

วันพุธที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2558

ฟ้าบันดาลหรือตัวเองลิขิต


นายคำกับนางสาวมา
เป็นหนุ่มสาวในหมู่บ้านเดียวกัน
เติบโตมาด้วยกัน วิ่งเล่นกันมาตั้งแต่เด็ก

เมื่อโตเป็นหนุ่มเป็นสาว ทั้งคู่จึงอยากใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันตลอดไปจนตายจากกัน
นายคำจึงไปสู่ขอ นางมากับพ่อแม่นางมา เพื่อมาเป็นภรรยา
เมื่อทั้งสองตกลงแต่งงานอยู่กินฉันสามีภรรยาแล้ว
นางมาก็ย้ายมาอยู่บ้านนายคำ
นายคำมีอุปนิสัย เป็นคนขยันทำมาหากิน แต่เห็นแก่ตัว
ทำมาหากินได้ ก็เก็บเข้าพกเข้าห่อหมด
ไม่เอื้อเฟื้อจุนเจือสังคม
ส่วนนางมาเป็นคนที่มีน้ำใจ
คอยช่วยเหลือแบ่งปันเพื่อนบ้าน
ผูกมิตรกับเพื่อนบ้านอยู่เสมอมา
แต่เมื่อนายคำรู้เข้าก็ดุด่านางมา
ไม่ให้ไปช่วยเหลือ เพราะเขาหามาด้วยความเหนื่อยยาก
คนพวกนั้นไม่เคยให้เรากิน
มีแต่จะมาคอยหวังพึ่งเราเท่านั้น
คบไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา

นางมาบอกว่าเป็นเพื่อนบ้านกัน
ต้องเอื้อเฟื้อช่วยเหลือกันทีเขาทีเรา
เผื่อวันหน้ามีอะไรขึ้นมาจะได้พึ่งพากัน

นายคำบอกกับนางมาว่า
นี่ ฉันสามารถหาเลี้ยงเธอได้
ฉันยังแข็งแรงดูแลเธอได้มีฉันแล้วเธอยังจะต้องการอะไร
ข้าวเราก็มีกิน เงินทองเราก็มีใช้
คนพวกนั้นมันก็เหมือนเห็บเหมือนหมัด ที่คอยจะดูดเลือดเรา

นางมาจึงพูดว่าวันนี้แกยังแข็งแรง
แต่วันหน้าล่ะ ลูกหลานเราก็ไม่มี
ฉันจะไปขอลูกเขามาเลี้ยงไว้ดูแลยามแก่เฒ่าแกก็ไม่ยอม
วันนึงถ้าแกกับฉันเป็นอะไรไปใครจะดูแลเราสองคน

นายคำก็พูดขึ้นว่านี่แม่มา
ไปเอาลูกเขามาเลี้ยงไปเอาเมี่ยงเขามาอม
แกคิดหรือว่ามันจะดี จะกตัญญูต่อเรา
มันจะมาล้างผลาญสมบัติเราสิไม่ว่า

รับมาแล้วต้องมาเสียเวลาเลี้ยงดูกว่าจะโตใหญ่
เสียเวลาทำมาหากิน
ต้องมาคอยดูแลประคบประหงมกว่าจะโตเป็นภาระเสียเปล่า

เมื่อความเห็นไม่ตรงกัน นางมาจึงหยุดเสีย
พูดไปก็รังแต่จะทะเลาะกัน

ตาคำกับยายมายามแก่เฒ่า
ทั้งสองสุขภาพร่างกายก็ไม่สู้จะดี
ตาคำป่วยกระเสาะกระแสะ
เจ็บโน่น ปวดนี่อยู่เป็นประจำ
เงินทองที่มี ก็ใช้ไปกับการรักษาตัวเองจนร่อยหรอ
แม้เจ็บป่วยไข้ ก็ไร้คนเหลี่ยวมอง สอบถาม

ตาคำยามชรา ยังห่วงแต่สมบัติที่มี
วันหนึ่งตาคำบอกนางมาว่า
นี่แม่มาเอ๊ย
เงินทองเราก็ร่อยหรอแล้ว
ต่อไปไม่ต้องใช้รักษาฉันแล้ว
แกเก็บเอาไว้ใช้เถิด
ยามที่ฉันจากไปจะได้ไม่เดือดร้อน

ยายมาก็พูดสวนขึ้นมาว่านี่ตาคำเอ๊ย
แก่จนจะเข้าโลงแล้ว แกก็ยังคิดไม่ได้อีกหรือยังไงหือ
แกเห็นไหมว่า เงินทองที่แกสั่งสมมา
มันซื้อความสุข ซื้อชีวิตแกไม่ได้เลย
วันนึงถ้าแกตายไป แกคิดหรือว่าเงินที่แกหาไว้มันจะดูแลฉันได้
แกนี่มันเห็นแก่ตัวตั้งแต่หนุ่มจนแก่เลยจริงๆ

ป่านนี้ถ้ามีลูกเต้า
เราสองคนก็คงไม่ต้องมาลำบากขนาดนี้
งานไร่งานนาก็ยกให้ลูกเต้าดูแล
แก่เฒ่ามาก็มีคนคอยช่วยเหลือ
เจ็บไข้ก็มีลูกหลานอยู่ข้างกาย
นี่เราไม่มีใครอยู่เลย เพราะความเห็นแก่ตัวของแกตาคำ

สักครู่ตาคำก็ถ่อสังขาร ยักๆแย่ๆของแก
เดินลงไปที่แปลงนา
หวังจะเดินไปสำรวจนาข้าว

ส่วนยายมาก็นั่งมองดูสามีอยู่ไม่ละสายตา
สักครู่เดียวตาคำหัวคะมำล้มลง
กลิ้งตกหัวคันนาลงไปในน้ำ

ยายมาซึ่งนั่งมองอย่างไม่ขาดสายตาก็มองเห็นจึงตกใจร้องให้คนช่วย
ส่วนตัวยายมาเองก็รีบลุกพยายามจะไปช่วยสามีให้ได้
แต่ด้วยวัยที่ชราของยายมาก็งกๆเงิ่นๆ
กว่าจะไปถึงตาคำก็เล่นเอาตาคำแย่ไปเสียแล้ว

ยายมาพยายามลากตาคำขึ้นจากแปลงนามาที่หัวคันนา
ครั้งแล้วครั้งเล่า ด้วยวัยที่ชราเรี่ยวแรงถดถอย
ยายมาก็ทำไม่สำเร็จ

พอเถอะแม่มาเอ๊ย
เป็นเสียงที่เหนื่อยล้าแผ่วเบาที่ออกมาจากปากของตาคำ
ฉันคงไม่รอดแล้วล่ะแกไม่ต้องช่วยฉันหรอก

ขอบใจแม่มาที่มาร่วมชีวิตกับฉันจนนาทีสุดท้าย
สุขทุกข์หนักเบาไม่เคยบ่น
เป็นคู่ทุกข์คู่ยากของฉันด้วยดีเสมอมา
แม้ว่าฉันจะถือความคิดฉันเป็นใหญ่
แต่แม่มาก็ไม่เคยถือสาเป็นเรื่องเป็นราว
แม่มาเป็นภรรยาที่ดี
แม่มาเป็นแม่บ้านที่ดี
แม่มาเป็นเพื่อนบ้านที่ดี
และฉันก็เชือว่าแม่มาเป็นแม่ที่ดีของลูกด้วย
แต่ต้องโทษตัวฉันที่มีลูกให้แม่มาไม่ได้
ฉันมันไม่เอาไหน
ฉันมันเห็นแก่ตัว
สวรรค์ถึงได้ลงโทษฉัน
ให้ฉันไม่มีลูกเต้า
ห่วงก็แต่แกแม่มา
แกคงลำบากเมื่อไม่มีฉัน
ฉันขอโทษด้วยนะแม่มายกโทษให้ฉันด้วย

สิ้นเสียงตาคำ
ก็สิ้นลมหายใจ
ยายมาพยายามเรียกร้องให้เพื่อนบ้านมาช่วยนำร่างตาคำ
ขึ้นจากแปลงนาเพื่อไปทำพิธีกรรมตามความเชื่อ

เพื่อนบ้านเห็นแก่ยายมาที่เคยมีน้ำใจ
ก็ช่วยกันจัดแจงงานศพตาคำจนเสร็จพิธี

เมื่อสิ้นตาคำ
บ้านหลังใหญ่ของยายมา
ก็เงียบเหงา
ไม่มีเสียงพูดเสียงคุยเสียงสนทนาเจรจา
ที่ข้างกายยายมายามนอนก็ไม่มีใคร
มีเพียงยายมาหญิงชรา ที่ไร้ลูกหลานญาติมิตรคอยดูแล
ข้างกาย ต้องอยู่เพียงลำพัง
ยามกินก็ลำบาก หาข้าวปลาหุงหาอาหาร
ยักแย่ยักยันอยู่คนเดียว
ชีวิตวัยชรายายมามันชั่งเดียวดาย อ้างว้าง
เหว่ว้า เงียบเหงา
ยายมาต้องนอนฟังเสียงนกเสียงกา
เสียงกบเสียงเขียดทุกวี่วัน
วันแล้ววันเล่า

หลายวันต่อมาเพื่อนบ้านข้างเคียง
ไม่เห็นยายมาลงมาจากบ้านทำกิจวัตรประจำวัน
จึงชวนกันไปที่บ้านยายมาเพื่อไปสอบถามข่าว

เมื่อไปถึงหน้าบ้าน
ชาวบ้านก็ได้กลิ่นซากศพ
ลอยมาตามลม
ชาวบ้านจึงขึ้นไปบนบ้าน
ก็พบเห็นร่างไร้วิญญาณของยายมานอนขึ้นอืด
อยู่บนแคร่ไม้ไผ่ อย่างน่าเวทนา

ชาวบ้านจึงช่วยกันนำร่างยายมา
ซึ่งครั้งหนึ่งเธอเคยเป็นคนน้ำใจงาม
แอบแบ่งปันน้ำใจถึงเพื่อนบ้านเสมอยามมีชีวิต
เมื่อยามสิ้นลม ยายมาซึ่งไร้แม้เงาลูกหลานญาติมิตร
ก็ได้แรงบุญที่เธอก่อไว้กับเพื่อนบ้าน
มาช่วยนำร่างของเธอไปทำพิธีตามหลักศาสนา
แทนที่จะถูกปล่อยให้เน่าสลาย
เป็นเหยื่อของนกกาหรือสัตว์น้อยใหญ่

นี่จึงเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ยายมาได้เกาะอาศัยยามสิ้นลม
ด้วยแรงบุญที่เธอเคยมี เธอจึงไม่ถูกทิ้งให้เน่าเปื่อยคาบ้าน
ทรัพย์สินของตาคำก็ไม่สามารถ ช่วยอะไรได้เลย
จะมีก็แต่แรงบุญแรงกรรมเท่านั้นที่จะหนุนนำเรา
เข้าสู่นรกหรือสวรรค์ยามสิ้นลม







1 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ8 พฤษภาคม 2558 เวลา 11:54

    สนุกดี ตื่นเต้นได้ข้อคิดดีด้วยค่ะ ชอบๆ

    ตอบลบ